loading...
สดร.ชวนประชาชนชม 'ราชาแห่งวงแหวน' กับปรากฏการณ์ ดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ใกล้โลกที่สุดในรอบปี ปรากฏชัดสีเหลืองสว่างสุกใส ดูได้ด้วยตาเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้หลังดวงอาทิตย์ตก เห็นได้ตลอดทั้งคืน...
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2559 ดาวเสาร์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ (Opposition : ตำแหน่งที่ดาวเสาร์ โลก และดวงอาทิตย์ เรียงอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน มีโลกอยู่ตรงกลาง) ส่งผลให้ดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ที่ระยะทางประมาณ 1,350 ล้านกิโลเมตร เราจึงมองเห็นดาวเสาร์พร้อมวงแหวนที่มีความสว่างมากและชัดเจน นอกจากนี้ดาวเสาร์ยังจะปรากฏบนท้องฟ้ายาวนานตลอดทั้งคืน ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกไปจนถึงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันถัดไป ในปีนี้ดาวเสาร์จะอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ให้เราได้ชมตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2559
รองผู้อำนวยการ สดร.กล่าวต่อว่า ในคืนนี้ดาวเสาร์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณกลุ่มดาวแมงป่อง ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น. มีสีเหลืองสว่างสุกใส สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และจะตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เวลาประมาณ 06.00 น. ของเช้าวันที่ 4 มิถุนายน การที่ดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ หมายถึงเมื่อดวงอาทิตย์ตกดาวเสาร์จะขึ้นจากขอบฟ้า และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นดาวเสาร์จะตกลับขอบฟ้า ทำให้มีระยะเวลาสังเกตการณ์ค่อนข้างยาวนาน และมากพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การชมด้วยตาเปล่า มองผ่านกล้องโทรทรรศน์ หรือการถ่ายภาพวงแหวนดาวเสาร์ หากดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่มีขนาดหน้ากล้องตั้งแต่ 4 นิ้ว หรือมีกำลังขยายตั้งแต่ 50 เท่าขึ้นไป จะพบดาวเสาร์ปรากฏเต็มดวง นอกจากนี้ระนาบวงแหวนดาวเสาร์ยังปรากฏเอียงทำมุม 26 องศากับระดับสายตาด้วย ทำให้สามารถสังเกตวงแหวนดาวเสาร์ได้ชัดเจน (วงแหวนดาวเสาร์จะทำมุมเอียงสูงสุด 27 องศา ในช่วงปลายปีนี้)
ดร.ศรัณย์ กล่าวอีกว่า ตามปกติแล้วดาวเสาร์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ หรือใกล้โลกที่สุดเป็นประจำทุกปี ครั้งล่าสุดคือวันที่ 23 พ.ค.2558 และครั้งต่อไปในวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ขนาดปรากฏของดาวเสาร์ในช่วงที่โคจรมาใกล้โลกในแต่ละปีมีความแตกต่างกันน้อยมาก เนื่องจากดาวเสาร์อยู่ไกลจากโลกค่อนข้างมาก ต่างจากดาวอังคารที่มีขนาดปรากฏใหญ่เล็กแตกต่างกันในแต่ละปี (ระยะห่างเฉลี่ยจากโลกถึงดาวเสาร์ 1,430 ล้านกิโลเมตร ระยะห่างเฉลี่ยจากโลกถึงดาวอังคาร 78 ล้านกิโลเมตร) แต่การได้เห็นวงแหวนดาวเสาร์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และเป็นความฝันของเด็กๆ หลายคนที่อยากเห็นวงแหวนดาวเสาร์ด้วยตาตนเองสักครั้ง ดร.ศรัณย์กล่าวปิดท้าย
loading...
รองผู้อำนวยการ สดร.กล่าวด้วยว่า ในค่ำคืนของวันที่ 3 มิถุนายน นอกจากดาวเสาร์แล้ว ยังมีดาวเคราะห์สว่างที่น่าสนใจปรากฏบนท้องฟ้าอีกสองดวง ที่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า คือ ดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี โดยในช่วงหัวค่ำดาวอังคารจะปรากฏทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หากใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูจะสามารถเห็นรายละเอียดบนพื้นผิวดาวอังคารได้อย่างชัดเจน ส่วนดาวพฤหัสบดีจะปรากฏสว่างอยู่กลางท้องฟ้าค่อนไปทางทิศตะวันตก
สดร.กำหนดจัดกิจกรรม "ดาวเสาร์ –ราชาแห่งวงแหวน" ในวันที่ 3 มิถุนายน 2559 เวลา 18.00-22.00 น. บริเวณหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา และ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา โดยนำกล้องโทรทรรศน์ขนาดต่างๆ กว่า 10 ตัว มาบริการประชาชน มีกิจกรรมดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ อาทิ ส่องดาวเสาร์ “ราชาแห่งวงแหวน” ที่สว่างสุด ชัดสุดในรอบปี เต็มอิ่มกับดาวอังคาร “ดาวเคราะห์แดง” ที่ยังส่องประกายสีส้มบนท้องฟ้า ตระการตาไปกับดาวพฤหัสบดีพร้อมดวงจันทร์บริวารอีกสี่ดวง จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับ สดร. ได้ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
loading...
ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/631047
EmoticonEmoticon