พ่อแม่แทบใจสลาย!!! ภัยร้ายโซเชียล ล่วง ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว (มีภาพ)


loading...


การเล่นแชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ทำให้คนเป็นพ่อแม่แทบใจสลาย จนต้องฟ้องร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายชาย ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ทำให้ลูกสาวต้องเสียหาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดให้ไกล่เกลี่ยกัน และให้ฝ่ายคู่กรณีชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ผู้เสียหายตามสมควรแก่เหตุ แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีต่อไปเพราะเป็นความผิดอาญาไม่สามารถยอมความได้

ฉะนั้น นอกจากผู้เสียหายจะได้รับค่าชดใช้จากคู่กรณีแล้วนั้น ยังมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นผู้ที่ถูกกระทำให้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต หรือร่างกาย หรือจิตใจ เช่น ถูกทำร้ายร่างกายหรือฆ่า เพื่อชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือถูกข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น

ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอรับสิทธิ ผู้เสียหาย หรือทายาทผู้ได้รับความเสียหาย (กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย) ต้องยื่นคำขอด้วยตนเอง ต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ตามแบบที่สำนักงานกำหนด ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา อาคารกระทรวงยุติธรรม เลขที่ 99 หมู่ 4 ชั้น 25 ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0 2502 8225-30 โทรสาร 0 2502 8226 หรือสำนักงานบังคับคดีจังหวัด เรือนจำจังหวัด ทัณฑสถาน คุมประพฤติจังหวัด และสถานพินิจจังหวัด ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ในกำหนดเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำความผิด

ส่วนการกำหนดให้ผู้เสียหายได้รับค่าตอบแทนเพียงใดนั้น จะคำนึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิด และสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมทั้งโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย

แต่ทว่า ในบางครั้งก็ยังมีช่องว่างของกฎหมายที่ไม่น่าจะเปิดเผย แต่เราในฐานะ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่มีหน้าที่เฝ้าระวังสังคม จึงต้องนำเรื่องราวมาตีแผ่ในรายงานพิเศษชิ้นนี้ เพื่อจุดประสงค์ในการให้สังคมรับรู้ เผื่อบุตรหลานใครอาจเข้าข่ายในลักษณะนี้...

    การเล่นแชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึก       ซึ้ง หัวอกคนเป็นพ่อแม่ใจสลาย

แจ้งจับหนุ่ม 16 พรากผู้เยาว์-ข่มขืน ด.ญ. วัย 14

ทีมข่าวฯ ได้ไปสืบทราบมาว่า เคยมีการแจ้งข้อหาหนุ่มวัยรุ่นกระทำอนาจาร ด.ญ. หลังแชตคุยกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.อธิวัฒน์ บางศรี รอง สว.สส. สน.บางกอกน้อย ว่า

พ่อของ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) วัย 14 ปี ได้เข้ามาแจ้งความเมื่อปลายปี 58 ว่า ด.ญ.ซี ได้ถูก นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ล่อลวง จึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพบว่า มีการร่วมประเวณีจริง และตรวจพบเชื้ออสุจิ แต่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงนำ DNA ของนายเอคู่กรณีไปเทียบยืนยันดู แพทย์ให้การว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้ ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมาสอบปากคำ ด.ญ.ซี และนายเอ พบว่าให้การตรงกันทั้งสองฝ่าย

จากนั้น จึงส่งหมายเรียกไปเชิญตัวนายเอ เข้ามาพบเพื่อดำเนินคดี ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย แต่พ่อของผู้เสียหายไม่ยอมเจอตัวกับคู่กรณี โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ไกล่เกลี่ยให้ ทางพ่อของผู้เสียหายขอให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหม จำนวน 100,000 บาท และมีการต่อรองจนเหลือ 70,000 บาท แต่ฝ่ายคู่กรณีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และไปไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาลต่อไป

ร.ต.อ.อธิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ จึงเรียกตัวนายเอมารับทราบข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ พรากผู้เยาว์ ข่มขืนเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี แต่ดูจากพฤติการณ์แล้วนายเอไม่มีทีท่าว่าจะหลบหนี ประกอบกับเรียกตัวมาสอบปากคำก็มาพบทุกครั้ง จึงอนุญาตให้นายเอไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล และรักษาตัวจนสามารถพูดคุยได้ก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้งหนึ่ง

หนุ่ม 16 เผย ด.ญ.เป็นฝ่ายเริ่มแชตคุย ก่อนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง หลังรู้จักเพียง 1 วัน

เมื่อได้พูดคุยเรื่องคดีความกับทางตำรวจแล้วนั้น ทีมข่าวฯ จึงได้สัมภาษณ์หนุ่ม 16 คู่กรณีในคดีข้างต้น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อ...

นายเอ นักศึกษา ปวช. ปี 2 วัย 16 ปี เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า ตนได้มีเฟซบุ๊กของ ด.ญ.ซี แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มีอยู่วันหนึ่ง ด.ญ.ซี ได้โพสต์สถานะว่า ‘ไลค์ทัก’ ตนจึงกดไลค์ไป จากนั้น ด.ญ.ซี ก็ทักแชตมาหาตนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ขณะที่คืนนั้นมีงานเลี้ยงที่บ้านรุ่นพี่ ตนจึงชวน ด.ญ.ซีไปด้วย โดย ด.ญ.ซีบอกว่าไปได้ๆ จึงนัดให้ไปรับ โดยตนกับเพื่อนขี่รถไปรับ ด.ญ.ซี แต่ไม่ออกมา ตนรอไม่ไหวจึงกลับไปก่อน

    นายเอ (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 2 วัย 16 ปี ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

ต่อมา ด.ญ.ซี แชตมาบอกว่าขอโทษ ตอนนี้มานั่งรอแล้วมารับหน่อย ตนจึงขี่รถไปรับอีกรอบหนึ่งแล้วก็พาไปนั่งบ้านรุ่นพี่ พอตีสามตนถาม ด.ญ.ซี ว่ากลับบ้านไหม เพราะตนจะไปนอนบ้านเพื่อนอีกคน ด.ญ.ซี บอกว่า ยังไม่กลับได้ไหม ขอนอนอยู่ด้วย ตนจึงพาไปบ้านเพื่อนอีกคน โดยมีผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 5 คน แต่ตนนอนอยู่ข้างล่างสองคนกับด.ญ.ซี ส่วนคนอื่นๆ นอนอยู่ชั้นบน ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กัน

หลังจากนั้น ตนก็ไปส่ง ด.ญ.ซี ที่บ้านพี่ของเธอ วันต่อมาก็พูดคุยกันตามปกติ แต่ช่วงบ่าย ด.ญ.ซี ไม่ตอบแชตเฟซบุ๊กของตน ตอนแรกตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอตอนเย็นพ่อของ ด.ญ.ซี โทรเข้ามาหาตนบอกว่า รู้ไหมว่าทำอะไรลูกสาวเขา พ่อแม่ทำงานอะไร เขาบอกให้ตนรับผิดชอบ แล้วก็ขอคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ และเขาก็บอกแม่ว่า ตนไปข่มขืนลูกสาวเขาต้องรับผิดชอบ หลังจากนั้น พ่อของ ด.ญ.ซี โทรมาอีกหลายครั้ง ตอนนั้นตนเครียดและกลัวมาก จึงปิดเครื่องหนี

กระทั่ง ด.ญ.ซี ทักแชตเฟซบุ๊กมาว่าให้เปิดเครื่องโทรศัพท์ และห้ามหนี ถ้าหนีจะแจ้งตำรวจจับ พอตนเปิดเครื่อง พ่อของ ด.ญ.ซี ก็โทรมาบีบจนตนเครียดและคิดจะฆ่าตัวตาย แต่แม่มาห้ามไว้ได้

“ตอนแรกเพื่อนผมเคยพูดว่า อย่าไปยุ่งกับคนนี้ เพราะเวลาเขาจะคุยกับใครเขาจะดูว่าใครมีเงิน แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรไม่รู้ว่าจริงไม่จริง และเพื่อนผมถ่ายรูปรถมอเตอร์ไซค์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง เขาเห็นก็ทักแชตไปคุยด้วย พอเพื่อนผมบอกว่าไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์มัน เป็นรถผม เขาก็ตีตัวออกห่างไม่คุยด้วย ชวนไปไหนก็ไม่ไป ตอนนี้ผมรู้ว่าผมผิดและเข็ดมาก ผมไม่กล้าไปนัดเจอใครอีกแล้ว” นายเอ กล่าว

แม่หนุ่ม 16 แสดงความบริสุทธิ์ใจ ขอเจรจาที่ สน. พ่อ ด.ญ. ไม่ยอมมา

นางติ๋ม (นามสมมติ) แม่ของนายเอ เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังต่อว่า ตอนที่ลูกชายกลับมาบ้านได้โทรไปคุยกับพ่อของ ด.ญ.ซี โดยเขาพูดแต่เพียงว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องรับผิดชอบ คุณต้องชดใช้ ขณะที่ทางตนเมื่อได้ยินว่าต้องชดใช้เลยถามกลับไปว่า จะให้ชดใช้อย่างไรให้บอกมาเลย แต่พ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ได้บอกออกมาเป็นตัวเงิน พูดแต่ว่า ต้องชดใช้ๆ เลยบอกไปว่า ให้ไปคุยกันที่สถานีตำรวจ เผื่อพ่อของ ด.ญ.ซี จะต้องการอะไรมากกว่านี้ ตำรวจจะได้ช่วยเคลียร์ให้ ตนยอมรับว่าลูกตนเป็นคนผิด จึงอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่หนีและรับผิดชอบทุกอย่าง

    ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว ครอบครัวใจสลาย

ต่อมา ตนได้ขอยื่นข้อเสนอชดใช้ให้ 5,000 บาทก่อน เพราะตนมีเท่านี้ และพ่อของ ด.ญ.ซีได้โทรกลับมาคุยอีกครั้ง ตนจึงให้สามีคุยว่า ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ช่วยได้ 10,000 บาท แต่ยังให้ตอนนี้ไม่ได้ เพราะเป็นกลางเดือนพอดี ก็เลยขอให้เป็นปลายเดือนตอนเงินเดือนออก ด้วยความที่ยอดเงินมันน้อยเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ พ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ยอมระบุออกมาเป็นจำนวนเงินว่าจะเอาเท่าไร จึงตกลงกันไม่ได้


loading...

วันรุ่งขึ้น พ่อของ ด.ญ.ซี ได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางกอกน้อย หลังจากที่ตนได้ทราบเรื่องจึงตามไปที่ สน. ให้ลูกชายไปยอมรับวันนั้นเลย และรอพ่อของ ด.ญ.ซีมาเจรจาว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะตอนนี้ตนอยู่ที่ สน. ระหว่างรอช่วงหัวค่ำจึงโทรไปคุยรอบหนึ่ง พ่อของ ด.ญ.ซี ตอบกลับมาว่า พาลูกสาวไปตรวจภายในที่โรงพยาบาลจึงไม่สะดวกมา ตนได้นั่งรอจนเกือบประมาณเที่ยงคืนก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจโทรไปอีกครั้งเพราะรอนานมาก และรออยู่ที่ สน.

ช่วงที่คุยโทรศัพท์กับพ่อของ ด.ญ.ซี ตนขอเจรจาเรื่องค่าชดใช้ ทางพ่อของ ด.ญ.ซี บอกแต่เพียงว่า ให้อยู่ได้แค่ 5,000 บาทตนจึงตอบกลับไปว่า ไม่ต้องพูดถึงเงินจำนวนนั้นแล้ว ตอนนี้เรื่องมาอยู่ที่ สน.จะเอาอย่างไรให้บอกมาเลย โดยตอนที่คุยโทรศัพท์ตนอยู่ที่ สน.

ระหว่างคุยทางพ่อของ ด.ญ.ซี ได้ยกตัวอย่างว่า มีอีกเคสหนึ่ง คล้ายๆ กัน ชดใช้ให้เขาแค่ 40,000 บาท เขายังไปแจ้งความจับเลย และตอนนี้ให้ทนายฟ้องค่าเสียหายอยู่ 500,000 บาท ตนไม่ได้เอะใจอะไรก็เลยถามย้ำอีกครั้งว่า ตกลงจะเอาอย่างไร เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว พ่อของ ด.ญ.ซี ตอบกลับมาว่า ขอเรียก 100,000 บาท ตนเลยบอกว่า เดี๋ยวค่อยคุยแล้วกัน พร้อมกดวางสายไป และบอกตำรวจที่ดูแลคดีนี้ว่า ได้ติดต่อไปทางพ่อของ ด.ญ.ซี แล้ว และเขาขอเรียกเงิน 100,000 บาท จึงขอให้ทางตำรวจช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ย เพื่อลดจำนวนเงินลง แต่ก็ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน

แต่อย่างไรก็ตาม ทางตนยังไม่ได้จ่ายค่าชดใช้ให้ แม้ว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเจรจาแล้วก็ตาม พ่อของ ด.ญ.ซี ยังยืนยันมาจนถึงวันนี้ ทำให้ ณ ตอนนี้มียอดเงินที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมอยู่ที่ 70,000 บาท ซึ่งเท่าที่รู้มาผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อของ ด.ญ.ซี บอกว่า ให้ทางตนผ่อนชำระให้ครบ 70,000 บาท และหลังจากนั้นมา ทางฝ่ายผู้หญิงก็ไม่ได้ติดต่อตนมาเลย เรื่องจึงจบอยู่ตรงนั้น อยู่ในชั้นกระบวนการตรวจสอบ

หลังจากที่ นางติ๋ม เล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฯ​ ฟังจนจบ ทีมข่าวฯ จึงได้ถามต่อว่า จะยอมจ่ายเงินให้ฝ่ายผู้หญิงหรือไม่นั้น นางติ๋ม ตอบว่า หากฝ่ายผู้หญิงเรียกเงินเยอะขนาดนั้น ตนไม่สามารถจ่ายให้ได้ แต่ถ้าเรื่องถึงศาล และศาลเห็นสมควรต้องจ่ายอย่างไร ตนก็ยินดี แต่ถ้ามากไปกว่านี้ ทางครอบครัวยอมรับว่าไม่มีจริงๆ ชดใช้ได้เท่าที่ได้

ซึ่งก็ได้บอกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า จะขอช่วยเบื้องต้นก่อน 20,000 บาท เพราะลูกชายต้องเข้าผ่าตัดใช้เงินอีกเยอะ แต่ทางตำรวจบอกว่า ทางฝ่ายพ่อผู้หญิง ยืนยันจะเอา 70,000 บาท


    นายบี (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี คู่กรณีของ พ่อของ ด.ญ.ซี รายที่สอง รู้จัก ด.ญ.ผ่านทางเฟซบุ๊ก และนำไปสู่ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

พ่อ ด.ญ. เคยไปรับเงินเยียวยาถูกข่มขืนมาแล้ว 2 ครั้ง

นอกจากนี้ นางติ๋ม ยังเล่าต่อว่า ตนติดต่อไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้เล่าเรื่องให้เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ฟัง ทางเจ้าหน้าที่ได้คีย์ข้อมูลจากเลขบัตรประชาชนพ่อของ ด.ญ.ซี ปรากฏว่าพ่อของ ด.ญ.ซี เคยเดินทางมาขอรับเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายในคดีอาญา จากที่นี่แล้ว 2 ครั้ง โดยเคสแรกได้เข้าแจ้งความที่เชียงราย เคสที่สองที่ สน.บางกอกน้อย และลูกชายตนเป็นเคสที่ 3 แต่ที่น่าแปลก คือ ทั้งสามเคสเป็นคดีคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น ถูกกระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ และเข้ามาขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา จากกรมคุ้มครองสิทธิฯ

นางติ๋ม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ตนสงสัยในสิ่งที่พ่อของ ด.ญ.ซี ได้ไปขอรับเงินเยียวยาที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ถึง 2 ครั้ง และกรณีลูกชายตนเป็นครั้งที่ 3 ตนจึงได้หาข้อเท็จจริงเพิ่มจากแม่ของเพื่อน ด.ญ.ซี ทราบว่า เคยมีเหตุการณ์ที่ ด.ญ.ซี ทะเลาะกับพ่อและต้องไปอยู่ที่ร้านเกม แม่ของเพื่อนสงสาร จึงช่วยเหลือให้ไปนอนด้วยที่บ้าน แต่ด้วยความที่ห้องแคบ พ่อและแม่จึงไปนอนกับเพื่อนข้างบ้านแทน ปล่อยให้ด.ญ.ซี นอนกับลูกสาว พอเช้ามาพ่อของ ด.ญ.ซี มาอาละวาดหน้าบ้าน หาว่าแม่ของเพื่อน ด.ญ.ซี กักขังหน่วงเหนี่ยวลูกตัวเอง จนต้องเรียกอาจารย์ที่โรงเรียนมาเคลียร์ให้ อีกทั้งยังบอกว่าโชคดีที่คืนนั้นพ่อของเพื่อนไม่ได้นอนอยู่ในบ้านด้วยกัน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้

พบเคสก่อนหน้า แจ้งจับเด็ก ปวช. ปี 1 ชำเราลูกสาว

หลังจากทีมข่าวฯ ทราบถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนายเอ เมื่อปลายปี 58 จนได้ทราบว่า เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันก่อนหน้านั้น 6 เดือน ที่ สน.บางกอกน้อย

ทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ เพียงผือ รอง สว.สส.สน.บางกอกน้อย ผู้รับผิดชอบคดีของนายบี (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวฯ ว่า พ่อของผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความเมื่อช่วงกลางปี 58 ว่าลูกสาวถูกนายบี นักศึกษา ปวช. ปี 1 กระทำชำเรา จากนั้นจึงลงบันทึกประจำวัน และส่งตัวไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพบว่า มีการร่วมประเวณีกันจริง

ทั้งนี้ ได้แจ้งไป 3 ข้อหา คือ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และได้ส่งเรื่องไปที่อัยการแล้ว แต่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง

หลังจากนั้น ได้ส่งหมายเรียกไปยังคู่กรณี โดยทางนั้นรับทราบและยินดีที่จะชดใช้ค่าสินไหมให้ ต่อมาจึงได้โทรไปไกล่เกลี่ยกับฝ่ายผู้เสียหาย ว่าทางคู่กรณียินดีรับผิดชอบและเยียวยาให้ ทางฝ่ายผู้เสียหายก็ตกลง แต่ไม่ยอมคุยกับแม่ของคู่กรณี และพยายามจะถามว่า แม่ของคู่กรณีชดใช้ให้ถึงแสนหรือไม่ หากไม่ถึงแสนก็ไม่คุย แม้จะโทรไปไกล่เกลี่ย 2-3 รอบ ฝ่ายผู้เสียหายก็ไม่คุย แต่ในชั้นพนักงานสอบสวนทางฝ่ายผู้เสียหายไม่ยอมคุย ศาลก็จะนัดให้คุยกันอยู่แล้ว

    แชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง หัวอกคนเป็นพ่อแม่ใจสลาย จึงเกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีกับฝ่ายชาย

ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า ทราบมาว่าพ่อของ ด.ญ.ซี เคยมาแจ้งความกรณีลูกถูกกระทำชำเราที่ สน.บางกอกน้อย แล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อกลางปี 58 ซึ่งมีคู่กรณีเป็นนายบี และล่าสุด ปลายปี 58 มีคู่กรณีเป็นนายเอ ทาง ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ พอทราบเรื่องนี้บ้างหรือไม่

ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ กล่าวว่า เพิ่งจะทราบในตอนหลัง โดยเท่าที่สันนิษฐานทางพ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ยอมมาแจ้งความกับตนในอีกเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด วันนั้นพ่อของ ด.ญ.ซี มาตั้งแต่เช้า ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เข้ามาแจ้งความว่าเด็กหาย แต่ครั้งนี้ตนเข้าเวรวันนั้นพอดี และพ่อของ ด.ญ.ซีก็มาแจ้งว่าเจอตัวลูกแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พอเกือบ 6 โมงเย็น ตนเห็นพ่อของ ด.ญ.ซี มานั่งอยู่หน้า สน. หลังจากออกเวรไปเขาก็เข้ามาแจ้งความกับตำรวจอีกคนหนึ่ง เป็นพฤติการณ์ในทำนองเดียวกัน ตนจึงเคลือบแคลงใจว่า ตนเข้าเวรทั้งวันทำไมไม่มาแจ้งความกับตน

โผล่อีกคดี! พ่อ ด.ญ.เรียกเงินแสน ยอดต่ำกว่าไม่เจรจา

ทีมข่าวฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) แม่ของนายบี นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี คู่กรณีของ พ่อของ ด.ญ.ซี รายที่สอง โดย น.ส.อ้อย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตนให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า นายบี ลูกชายของตนได้รู้จักกับ ด.ญ.ซี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และได้ตกลงคบกันเป็นแฟนประมาณเดือนกว่า

เมื่อช่วงกลางปี 58 ลูกชายได้เห็น ด.ญ.ซี โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า ทะเลาะกับพ่อและจะหนีออกจากบ้าน ลูกชายตนจึงสอบถามไปด้วยความเป็นห่วง ซึ่งขณะนั้น ด.ญ.ซี ไม่มีเงินติดตัวและอยู่ที่บริเวณแยกไฟฉาย ด้วยความที่ลูกชายไม่มีรถ จึงให้เพื่อนไปรับ ด.ญ.ซี แทน แต่ไม่พบ ด.ญ.ซี ที่แยกดังกล่าว ประกอบกับโทรศัพท์แบตฯ หมดจึงไม่ได้ติดต่อกับ ด.ญ.ซี อีก

จากนั้น ลูกชายได้พบกับ ด.ญ.ซี หน้าบ้านเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งทราบจากเพื่อนที่ให้ไปรับว่า ขณะกลับบ้านได้เจอ ด.ญ.ซี และเพื่อนหญิงหน้าห้างแห่งหนึ่ง ด.ญ.ซี ได้บอกกับเพื่อนลูกชายว่าให้มาส่งที่บ้าน จึงขี่รถมาส่งให้ ทำให้คืนนั้นลูกชายกับ ด.ญ.ซี ได้นอนอยู่ด้วยกัน โดยที่ตนไม่ทราบมาก่อน รู้แต่เพียงว่ามีเสียงพัดลมในห้องลูกชาย คิดว่ากลับมาบ้านก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย

    ภัยร้ายโซเชียล ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว

คืนต่อมา หลังจากที่ลูกชายพา ด.ญ.ซี ไปงานวันเกิดรุ่นพี่ และพากลับบ้านของตน เมื่อตนเห็นจึงถามลูกชายไปว่า ด.ญ.ซี เป็นใคร ลูกชายตอบไปว่า เป็นแฟน และได้ถาม ด.ญ.ซี ว่าจะกลับบ้านตอนไหน ลูกชายตอบแทนว่า ยังไม่รู้ โดยที่ตอนนั้น ด.ญ.ซี ไม่ได้พูดอะไรก่อนเดินเข้าห้องลูกชายไป และได้มีอะไรกันในคืนวันนั้น

ต่อมา ตนทราบจากลูกชายว่า ด.ญ.ซี ได้ติดต่อมาหาลูกชาย โดยบอกว่าพ่อจะแจ้งความจับ และยังบอกว่าพ่อกำลังฟ้องร้องอยู่อีกคดีหนึ่งด้วย และถามว่ามีเงินหรือไม่ โดยขอเงินค่าเสียหายจำนวน 20,000-40,000 บาท ให้ลูกชายโอนเงินให้เดี๋ยวนี้ แต่ลูกชายไม่มีเงิน จึงได้ให้เบอร์ตนไป และภายหลังลูกชายได้โทรไปหาพ่อของ ด.ญ.ซี เพื่อขอคุยเรื่องของ ด.ญ.ซี ว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งพ่อของ ด.ญ.ซี ยืนยันว่าจะดำเนินคดี และวางสายไป จากนั้นลูกชายก็ไม่ได้คุยกับ ด.ญ.ซี อีกเลย เนื่องจากถูกบล็อกเฟซบุ๊ก

กระทั่งมีหมายเรียกมาก็ไปที่ สน.บางกอกน้อย ให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยให้ แต่ไม่ได้เจอหน้าหรือคุยกับฝ่ายผู้หญิง เพราะทางนั้นไม่ยอมคุย จะคุยผ่านตำรวจตลอด โดยพ่อ ด.ญ.ซี บอกว่า ต้องการ 100,000 บาท ถ้าไม่ถึงแสนไม่คุย ซึ่งตนก็รับผิดชอบ แต่จะเอาเงินแสนไม่มีให้ เพราะทำงานหาเช้ากินค่ำ แต่ถ้าให้มาอยู่ด้วย หรือส่งเสียให้เรียนหนังสือตนสามารถจัดการให้ได้

อย่างไรก็ตาม คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ แต่มีการเลื่อนฟ้องมา 5 ครั้งแล้ว ตนต้องโทรไปถามอีกครั้งหนึ่งว่าจะนัดเมื่อไหร่

รายงานพิเศษชิ้นนี้ ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจว่า กรณีที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถือเป็นเจตนาหากินของผู้ใหญ่บางคนหรือไม่?

สำหรับในตอนหน้านั้น ทีมข่าวฯ จะพูดถึงเรื่องกฎเกณฑ์ใดบ้างที่มีสิทธิรับเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา และทางกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะมีวิธีตรวจสอบหรือไม่ว่า เคยมีเคสไหนบ้างที่มาขอรับเงินซ้ำๆ อยากให้ทุกคนรู้ไว้ เพราะเงินที่จ่ายนั้น เป็นเงินภาษีของประชาชนนั่นเอง!


loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/645457


EmoticonEmoticon