ด่วนความหวังสุกท้าย!!! เซียนหวยห้ามพลาด เลขดังหนังสือพิมพ์ แม่จำเนียร, แม่นมาก,ไทยรัฐ, เดลินิวส์ และบางกออทูเดย์


loading...




loading...





loading...

ที่มา:แม่จำเนียร ล็อตเตอรี่

อะแน่เลขสวยเลขดังซะด้วยเซียนหวยห้ามพลาด!! "ตัวเงินตัวทอง" ขึ้นฝ้าเพดานบ้าน!! ล่าสุดหลายคนตีเป็นเลขนี้!! บอกเลยเลขนี้ดังมาก!!


loading...


กู้ภัยกำแพงเพชร รุดช่วยชาวบ้าน หลังรับแจ้งพบตะกวดหนีขึ้นไปอยู่บนฝ้าเพดานบ้านเป็นอาทิตย์ เผย พยายามจับกันเองแต่ไม่สำเร็จ หวั่นหลุดลงมาไล่กัดคนได้รับอันตราย ด้านกู้ภัยต้องรื้อฝ้าออก ก่อนใช้บ่วงเชือกรัดตัวดึงมาจับไปปล่อยป่าสำเร็จ ส่วนชาวบ้านไม่พลาด จดเลขที่บ้านไปซื้อหวย...

เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร รับแจ้งจาก นายสมศักดิ์ เพชรสะอาด อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/6 หมู่ 4 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ว่า มีตะกวดขึ้นไปเดินอยู่บนฝ้าเพดานภายในบ้านเป็นอาทิตย์แล้ว ขอให้ไปช่วยจับ เพราะเกรงว่าจะมีอันตราย เนื่องจากภายในบ้านมีเด็กๆ อาศัยอยู่ด้วย


loading...

เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ นายธีระ พึ่งพัฒน์ หัวหน้าชุดหน่วยกู้ภัยที่ชำนาญการจับสัตว์เลื้อยคลาน ต้องค่อยๆ เปิดฝ้าเพดานออก แล้วใช้ไฟฉายส่องเข้าไปดู พบว่ามีตะกวดตัวเท่าแขนหลบอยู่ตรงบริเวณขื่อบ้าน อยู่ห่างจากฝ้าที่เปิด จึงไม่สามารถจับได้ ดังนั้น นายธีระ จึงต้องไปเปิดฝ้าแผ่นใหม่ที่ใกล้กับตัวตะกวดที่ซ่อนอยู่ จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์บ่วงเชือกที่ผูกกับปลายท่อพีวีซี ค่อยๆ เลื่อนบ่วงเชือกเข้าไปหาตัวตะกวด จากนั้นเมื่อได้โอกาสก็ดึงเชือกรัดซึ่งปกติต้องรัดที่คอ แต่ว่าครั้งนี้ตัวตะกวดดิ้นรนทำให้บ่วงเชือกรัดที่ลำตัวค่อนไปทางหาง ทำให้หัวตะกวดมีอิสระสามารถแว้งกัดได้ นายธีระ จึงต้องค่อยๆ ดึงออกมา จนตัวตะกวดเผลอจึงคว้าคอตะกวดไว้ได้ ดึงลงมาจากฝ้าเพดานสำเร็จ พบว่ามีความยาวเกือบ 1 เมตร เจ้าหน้าที่จึงนำใส่กระสอบนำไปปล่อยป่า ขณะเดียวกันมีชาวบ้านมามุงดูด้วยความสนใจ และพากันจดเลขที่บ้านไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล

ด้าน นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตะกวดตัวดังกล่าวคลานมาจากป่าหลังบ้าน เนื่องจากหลังบ้านเป็นป่าละเมาะ และที่บ้านเลี้ยงไก่ชน ตะกวดจึงมาลักกินไก่ ที่ผ่านมาถูกกินไปแล้ว 2 ตัว โดยตะกวดตัวนี้คลานขึ้นตรงหลังบ้านแล้วมุดเข้าไปในฝ้าเพดาน ในช่วงแรกก็จะพยายามจับกันเองแต่จับไม่ได้ ตะกวดตัวนี้จะเดินบนฝ้าเพดานไม่อยู่กับที่ ตลอดระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่อยู่บนนั้นก็เกรงว่าอาจจะหลุดตกลงมาในบ้านแล้วไล่กัดคน เกรงว่าเด็กๆ จะได้รับอันตรายจึงแจ้งหน่วยกู้ภัยมาจับดังกล่าว


loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/650201

แห่ขอเลขเด็ด! 'สไบทองกิ่ง' สิงร่าง ด.ญ. ให้ช่วยนำต้นโพธิ์ขึ้นจากน้ำ เมื่อลงไปดูใต้น้ำเท่ากับอึ้งเลย


loading...


คอหวยแห่ขอเลขเด็ด เรือไม้ตะเคียนศรีสไบทอง วัดโพธาราม ชัยนาท ตะลึง ด.ญ.11 ปี ตัวสั่น บอกตัวเองคือ 'สไบทองกิ่ง' สถิตอยู่ที่ต้นโพธิ์ในน้ำหน้าวัด ก่อนประสานรถเครนยกขึ้น ชาวบ้านแห่กราบไหว้ เตรียมนำเลขอายุเด็กหญิงเสี่ยงโชค ...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกรรมการวัดโพธาราม ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ว่ามีเด็กหญิง แสดงอาการแปลกๆ หลังจากที่ครอบครัวมาแก้บน เนื่องจากถูกหวยงวดที่ผ่านมา จึงไปตรวจสอบ

ที่วัด พบเด็กหญิงศิริประภา แก้วศรี อายุ 11 ปี เป็นชาว ต.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี นั่งเหม่อลอย มึนศีรษะ เหงื่อไหลผิดปกติ และไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้เลย จำได้แค่ว่า รู้สึกแปลกๆ และวูบไปเท่านั้น


นางสมหมาย อยู่เล่ห์ ชาวบ้าน ม.3 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนมาขอเลขเด็ดจากเรือตะเคียน และเรือไม้สัก ของทางวัดที่เคยให้โชคตนมาหลายงวด แต่พอเหลือบไปเห็นเด็กคนดังกล่าว สติหลุด ตัวสั่น และนั่งพับเพียบเรียบร้อย กิริยาท่าทาง และการพูดการจา ไม่เหมือนกับเด็ก 11 ขวบ เริ่มใช้ถ้อยคำแปลกๆสื่อสารออกมา จนคนเดินเข้าไปมุงและสอบถาม เด็กคนดังกล่าวกลับบอกว่า ชื่อสไบทองกิ่ง สถิตอยู่ที่ต้นโพธิ์ในน้ำหน้าวัดมาเป็นเวลานานแล้ว อยากขึ้นมาอยู่กับน้อง ที่มาอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือเรือไม้ตะเคียนศรีสไบทอง หลังพูดจบ เด็กคนดังกล่าวก็เดินมาชี้จุดที่มีต้นโพธิ์อยู่ตรงนี้ แล้ววูบไป 


ทั้งนี้ ระหว่างที่จะนำต้นโพธิ์ขึ้นมานั้น เด็กหญิงคนดังกล่าว ได้แสดงอาการดีใจ และร้องไห้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า "เจ้าแม่สไบทองกิ่ง" ประทับร่างอีกครั้ง เพราะดีใจที่จะได้ขึ้นจากน้ำ นอกจากนี้ ยังมีร่างทรงอีกคน ที่ลุกขึ้นฟ้อนรำ และสูบบุหรี่ทีละ 10 มวน โดยชาวบ้านเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับร่าง แสดงความดีใจกับ "เจ้าแม่สไบทองกิ่ง" ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้าน และบรรดาเซียนหวยที่มาขอเลขเด็ดเป็นจำนวนมาก

กระทั่งเวลา 20.45 น. รถเครนจึงสามารถนำต้นโพธิ์ที่มีความยาว 6 เมตร กว้างประมาณ 5 คนโอบ ขึ้นจากน้ำมาไว้ในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นได้นำรถน้ำมาฉีดน้ำทำความสะอาดก่อนมีการทำพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีชาวบ้านนำของมาเซ่นไหว้ ผูกผ้าสามสี เพื่อให้คนได้กราบไหว้ต่อไป

ขณะที่ชาวบ้านต่างเตรียมนำเลข '11' ซึ่งเป็นอายุของเด็กหญิงศิริประภา ไปเสี่ยงโชค ซึ่งหลายคนเชื่อว่า ต้องถูกรางวัลเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน.


loading...


ชาวบ้านจึงรีบลงไปในแม่น้ำน้อย งมเอาผักตบชวาออก ก็พบกิ่งของต้นโพธิ์โผล่มาหลายท่อน เมื่อลงไปคลำดูจึงรู้ว่าต้นโพธิ์ดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก ต้องใช้รถเครนใหญ่ยกขึ้น

จากนั้นทางลูกศิษย์และกรรมการวัด จึงรีบประสานงานกับรถเครนเพื่อนำต้นโพธิ์ดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งต้องใช้รถเครนใหญ่ จำนวน 2 คัน ซึ่งการดำเนินการเป็นไปอย่างทุลักทุเล มีปัญหาอยู่ตลอด เนื่องจากไม้ดังกล่าวอมน้ำไว้เยอะและมีขนาดใหญ่ ทำให้น้ำหนักมากกว่าเดิม ประกอบกับความลื่นของตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่ โดยมีประชาชนมามุงดูทั้งฝั่งวัดและฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกว่าพันคน



loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/650916?utm_source=line&utm_medium=OA&utm_campaign=News-jun-2016&utm_content=ghost-30062016

ວ່ອນຫນ່ວຍງານທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກວດສອບດ່ວນ!!! ກໍາມະກອນສວນຢາງພາລາລາວ 70 ຄົນຖອກທ້ອງຮຸນແຮງຍ້ອນກິນອາຫານປົນສານພິດ


loading...

ຂປລ. ກໍາມະກອນລາວປະມານ 70 ຄົນທີ່ເຮັດວຽກຢູ່ສວນຢາງພາລາຂອງບໍລິສັດຫວຽດນາມໃນເມືອງທ່າແຕງ ແຂວງເຊກອງເກີດມີການອາການເປັນວິນຖອກທ້ອງຮຸນແຮງ ແລະ ຖືກນໍາສົ່ງໄປປິ່ນປົວຢູ່ໂຮງໝໍແຂວງດັ່ງກ່າວຢ່າງກະທັນຫັນ ພາຍຫລັງບໍລິສັດຫວຽດນາມດັ່ງກ່າວໄດ້ສັ່ງຊື້ເຂົ້າຂົວປະສົມກັບຊີ້ນເປັນກັບຈາກຮ້ານອາຫານແຫ່ງໜຶ່ງໃນແຂວງເຊກອງໃຫ້ກໍາມະກອນລາວຮັບປະທານ.
ພະແນກສາທາລະນະສຸກແຂວງເຊກອງໄດ້ມີການເປີດເຜີຍໃນວັນທີ 30 ມິຖຸນາ 2016 ນີ້ວ່າ: ລະຫວ່າງວັນທີ 22-23 ມິຖຸນາ 2016 ນີ້ ມີພະນັກງານຂອງບໍລິສັດປູກຢາງພາລາຫວຽດນາມໂທແຈ້ງເຖິງເຈົ້າໜ້າທີ່ກ່ຽວຂ້ອງທີ່ເຮັດວຽກຢູ່ໂຮງໝໍແຂວງເຊກອງວ່າມີກໍາປະມານປະມານ 70 ເປັນວິນ ແລະ ຖອກທ້ອງຢ່າງຮຸນແຮງ ສະນັ້ນ ຈຶ່ງຂໍຄວາມຊ່ວຍເຫລືອໃຫ້ມາກວດກາ ແລະ ປິ່ນປົວຂັ້ນພື້ນຖານດ່ວນ ເມື່ອເຈົ້າໜ້າທີ່ແພດ-ໝໍກ່ຽວຂ້ອງມາເຖິງສະຖານທີ່ສວນຢາງພາລາຈຶ່ງພົບວ່າ: ກໍາມະກອນເລົ່ານີ້ອາດກິນອາຫານປົນເຈືອ ຫລື ເປັນພິດ ສະນັ້ນ ຈິ່ງຕັດສິນໃຈນໍາສົ່ງໂຮງໝໍ. ເວລາຕໍ່ມາ ພະນັກງານຂອງບໍລິສັດຫວຽດນາມໄດ້ລາຍງານຕໍ່ເຈົ້າໜ້າທີ່ແພດ-ໝໍໄດ້ຮັບຊາບກ່ຽວກັບກໍລະນີທີ່ເກີດຂຶ້ນໂດຍລະບຸວ່າ: ບໍລິສັດຕົນເອງໄດ້ສັ່ງຊື້ເຂົ້າຂົວເປັນກັບຈາກຮ້ານອາຫານແຫ່ງໜຶ່ງເພື່ອແຈກຢາຍໃຫ້ກໍາມະກອນຮັບປະທານ ພາຍຫລັງຮັບປະທານສໍາເລັດໄດ້ເກີດມີອາກາດວິນຫົວ ປວດຮາກ ແລະ ຖອກທ້ອງ. ແຕ່ເຈົ້າຂອງຮ້ານອາຫານໄດ້ສາລະພາບວ່າຊີ້ນໄກ່ພັນແມ່ນນໍາເຂົ້າມາຈາກຕ່າງປະເທດແທ້ ສະນັ້ນຈິ່ງຮັບໃຊ້ຈ່າຍຄ່າເສຍຫາຍທີ່ເກີດຂຶ້ນ.



loading...

ຫລ້າສຸດ ທ່ານ ເພັດສະໝອນ ແພງສຸລິພັນ ຄະນະຫ້ອງການບໍລິຫານຂອງພະແນກສາທາລະນະສຸກ ແຂວງເຊກອງໄດ້ຢືນຢັນວ່າ: ອາຫານປະເພດເຂົ້າຂົ້ວປະສົມໃສ່ຊີ້ນໄກ່ທີ່ນໍາເອົາມາໃຫ້ກໍາມະກອນຮັບປະທານນັ້ນພົບວ່າມີສານປົນເປື້ອນຟໍມາລິນ ຫລື ເອີ້ນວ່າຢາດອງສົບຄົນຕາຍບໍ່ໃຫ້ເໜົາເປືອຍປົນເປື້ອນໃນຊີ້ນໄກ່ຈໍານວນຫລາຍ ເຊິ່ງເຮັດໃຫ້ກໍາມະກອນລາວເກີດມີອາການເຈັບຫົວ, ເປັນວິນ ແລະ ຖອກທ້ອງກະທັນຫັນ. 
ທ່ານ ເພັດສະໝອນຍັງຊີ້ແຈງວ່າ: ຖ້າຄົນເຮົາກິນອາຫານທີ່ມີການປົນເປື້ອນສານຟໍມາລິນຢ່າງຕໍ່ເນື່ອງຈະເຮັດໃຫ້ເກີດເປັນມະເຮັງ, ເປັນພະຍາດຕັບ ແລະ ພະຍາດອື່ນໆ ໃນຊຸມປີຜ່ານມາເຖິງປັດຈຸບັນນີ້ ພະແນກສາທາລະນະສຸກແຂວງຂອງຕົນບໍ່ໄດ້ຖືເບົາກ່ຽວສິ່ງທີ່ເກີດຂຶ້ນ ເຊິ່ງມີການຈັດກອງປະຊຸມຢ່າງຕໍ່ເນື່ອງໂດຍຮ່ວມກັບພະແນກກະສິກໍາ ແລະ ປ່າໄມ້, ອຸດສາຫະກໍາ ແລະ ການຄ້າ ແລະ ປກສ ພາຍໃນແຂວງເພື່ອລົງເຄື່ອນໄຫວກວດກາ ແລະ ສະກັດກັ້ນການນໍາເຂົ້າອາຫານປົນເປື້ອນສານເຄມີຕ່າງໆທີ່ພວມເກີດຂຶ້ນຢ່າງແຜ່ຫລາຍ ພ້ອມດຽວກັນນັ້ນກໍໄດ້ເຜີຍແຜ່ຂໍ້ກໍານົດ ກົດລະບຽບ ແລະ ອາຫານແບບສະອາດຄວນຕ້ອງເຮັດແນວໃດ. ຜ່ານມາເຈົ້າໜ້າທີ່ພະແນກສາທາລະນະສຸກແຂວງເຊກອງກໍສາມາດກວດພົບເຫັນຜູ້ນໍາເຂົ້າອາຫານ ແລະ ຂາຍອາຫານປົນເປື້ອນສານຟໍມາລິນ (ຢາດອງສົບຄົນຕາຍ) ແລະ ສານບໍແລກ (ສານຈອດໂລຫະ). ສະນັ້ນໃຫ້ເຂົ້າໃຈວ່າ: ສານຟໍມາລິນແມ່ນຢາດອງສົບຄົນຕາຍບໍ່ໃຫ້ເໜົ່າ ແຕ່ໃນເງື່ອນໄຂເສດຖະກິດຕະຫລາດທີ່ມີການແຂ່ງຂັນໄດ້ເຮັດໃຫ້ພໍ່ຄ້າແມ່ຄ້ານໍາເອົາສານດັ່ງກ່າວມາແຊ່ໃສ່ຊີ້ນ ແລະ ຜັກເພື່ອເຮັດໃຫ້ສິ່ງເລົ່ານີ້ບໍ່ເໜົ່າ ແລະ ທົນທານ ພ້ອມດຽວກັນນີ້ ສານບໍແລກຍັງເປັນສານເຄມີປະເພດອັນຕະລາຍທີ່ສຸດທີ່ມັກໃຊ້ເຂົ້າການກໍ່ສ້າງເຊື່ອມຈອດເຫລັກ ແລະ ໂລຫະອື່ນໆໃຫ້ທົນທານບໍ່ຫັກງ່າຍ ແຕ່ພໍ່ຄ້າແມ່ຄ້າເອົາມາໃຊ້ແຊອາຫານເພື່ອເຮັດໃຫ້ຊີ້ມີສີສັນງາມດີ ແລະ ສົດຕະຫລອດເວລາ. ພາບ-ຂ່າວ: ຮັກຊາດ


loading...

ທີ່ມາ:Pathedlao Lao

เลขเด็ดหวยดังมาแล้ว!! อดีตรัฐมนตรี.คำนวณงวดนี้เน้นๆ เลขมงคลยังขายดี เซียนหวยจะไปหาซื้อได้ที่ไหน


loading...


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ จ.เชียงใหม่ ย่านสุสานหายยา , ประตูเชียงใหม่ , ประตูช้างเผือก , สถานีรถไฟ , อาเขตขนส่ง ย่านถนนมหิดล อ.เมืองเชียงใหม่ ย่านถนนเชียงใหม่-ลำพุน อ.สารภี เชียงใหม่ และอีกหลายจุด ประชาชนได้ให้ความสนใจ ออกมาหาซื้อเลขเด็ดกันอย่างไม่ขาดสาย โดยพ่อค้าแม่ค้าบางเจ้าได้นำสลากฯชุดเป็นเล่มมี 100 คู่ มีเลข 3 ตัวหน้าเหมือนกัน 100 คู่ ส่วนเลขท้าย 3 ตัว นั้นคละกันไป จำหน่ายเล่มละ 8,000 บาท โดยมีโอกาสถูกเลขท้าย 2 ตัว และหากถูกเลขท้าย 3 ตัวด้วย ก็จะได้เงินรางวัลนับแสนกว่าบาทเลยทีเดียว ซึ่งประชาชนก็ได้ให้ความสนใจ สำหรับเลขเด็ดงวด ประชาชนยังหาซื้อเลขมงคล 70 โดยเซียนหวยต่างมั่นใจว่า งวดที่ผ่านมายังไม่ออก งวดนี้คงต้องออกแน่


พล.ต.ต.นิธิพัฒน์ พัฒนถาบุตร ผบก.อก.ภ.5 เปิดเผยว่า งวดนี้พ่อของตน (นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรัฐมนตรีฯ) ท่านได้นั่งคำนวณโหรดวงดาวของท่านเหมือนเดิม และงวดนี้ ท่านบอกว่า มีเลข 3  ออกมาให้เห็นเด่นชัด 3 หลักสิบเลย และเน้น 30 หรือจะเอาเลขมงคลมาผสมก็ได้ 730 , 703 งวดนี้พ่อของตน ท่านบอกว่า ตอนแรกท่านจะยังไม่บอกเลขเด็ดงวดนี้ จะให้งวดต่อไป แต่ท่านได้นั่งคำนวณแล้ว ปรากฏว่า มีเลข 3 ออกมาให้เห็นเด่นชัด ท่านจึงได้บอกให้กับลูกหลานไปหาซื้อมาให้ท่าน ท่านบอก 3 หลักสิบ ส่วนใครจะเอาไปผสมกับเลขมงคลหรือเลขเด็ดใด ก็เอาที่สบายใจได้เลย แต่ควรจะใช้วิจารณญาณด้วย

loading...


 ด้านนายชาตรี ขุนอินทร์ พ่อค้าขายลอตเตอรี่ย่านห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า อ.เมืองเชียงใหม่ และยังมีตำแหน่งนายกสมาคมผุ้ค้าสลากคนพิการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า งวดนี้ เหล่ายี่ปั๊ว ได้ขายลดราคาให้กับพ่อค้าแม่ค้าขายปลีกเหลือคู่ละ 74-75 บาท คือ ยี่ปั๊วเอากำไรแค่ 4-5 บาท แสดงว่าหวยในช่วงนี้ขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยี่ปั๊วงวดที่แล้วขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าคู่ละ 76-77 บาท มางวดนี้ลดราคา แสดงว่าต้องมีเหตุการณ์เกี่ยวโยงกระทบหวยแน่ ส่วนเลขเด็ดงวดนี้ประชาชนยังมีความหวังกับเลขมงคลเหมือนเดิม คือเลข 70 , 40 , 29 , 985 ซึ่งงวดที่แล้วยังไม่ออก ประชาชนส่วนมากจึงคาดการณ์เอาไว้ว่างวดนี้น่าจะออก ก็ต้องลุ้นกันอีกครั้ง


นางสาวสายชล จันทรลักษณ์ แม่ค้าขายหวย ย่านถนนเชียงใหม่ลำพูน อ.สารภีเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องหวยเป็นเล่มที่มี 100 คู่ นั้น บางเล่มก็จะมีเลขท้ายเรียงกัน ตั้งแต่ 00-99 ซึ่ง บางเล่มก็มีเลข 3 ตัวหน้าตรงกันหมด ส่วนท้ายก็จะคละกันไป ซึ่งโอกาสถูกท้าย 2 ตัวก็มี จะได้เงินรางวัล 2,000 บาท และราคาเล่มละ 8,000 บาท ถือว่าหากซื้อมาแล้วยังเสี่ยงต่อการขาดทุนอยู่ดี แต่หากถูกก็คุ้ม เหล่าเซียนหวยต่างพากันคำนวณแล้วซื้อแบบคละกันหลายเลขเลือกตามใจจะดีกว่า โอกาสถูกสูงกว่า ก็แล้วแต่เซียนหวยหรือพวกเสี่ยงโชค



loading...

ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1467168848

ສິຕິດເວີດສະກິນເນັດບູ໋ກນຳເຂົາບໍ່ນໍ້ສປປ!!! ລາວພົບຜູ້ຊາຍສູງທີ່ສຸດເທົ່າທີ່ເຄີຍພົບມາ


loading...


ສ້າງຄວາມຕົກຕະລືງ! 29/6/2016 ເມື່ອມີຊາຍໄວ 27 ປີ ຊື່ ທ້າວ ພູດອຍ ຈາກບ້ານ ນໍ້າໃສເທີງ ເມືອງປະທຸມພອນ ແຂວງຈຳປາສັກ ວັດລວງສູງໄດ້ 2.23 ຊັງຕີແມັດ 



loading...

ຂະນະທີ່ ພວມຍ່າງເຂົ້າມາກວດພະຍາດຢູ່ຄຣີນິກຂອງ ດຣ ໄຊສະໜຸກ ສະນັ້ນປະເທດລາວກໍເປັນໜຶ່ງໃນຫລາຍປະເທດທີ່ມີຄົນສູງທີ່ສຸດໃນໂລກເຊັ່ນດຽວກັນ. ປັດຈຸບັນນີ້ ກິນເນສບຸກໄດ້ບັນທຶກຜູ້ຊາຍສູງທີ່ສຸດໃນໂລກແມ່ນ ທ່ານ ສຸຕານ ໂກເຊັນ ເປັນຊາວຕຸລະກີມີລວງສູງວັດໄດ້ 2.51 ຊັງຕີແມັດ ລື່ນຄົນລາວ 28 ຊັງຕີແມັດ



loading...

ที่มา:Pathedlao Lao

ว่อนเน็ต! คลิปหญิงตั้งท้องใช้ขันฟาดหัวคนแก่ เมื่อรู้ความจริงมันมันอย่างนี้นี่เอง (มีคลิป)


loading...


สังคมออนไลน์แห่ประณามหญิงสาวในคลิปวิดีโอ กระทำรุนแรงกับยายของตัวเอง ใช้ขันฟาดไปที่ศีรษะขณะอาบน้ำ ล่าสุดทีมข่าวตรวจสอบแล้ว พบว่าเหตุการณ์ในคลิปไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย

คลิปเหตุการณ์สะเทือนใจที่แชร์กันมากในขณะนี้ ซึ่งผู้หญิงในชุดกระโปรงสีน้ำเงิน คล้ายหญิงตั้งครรภ์ กำลังอาบน้ำให้กับคนชรา แต่กระทำด้วยความรุนแรง ทั้งใช้ขันฟาดไปที่ศีรษะหลายครั้ง รวมถึงตักน้ำราดใส่แบบไม่ปราณี แถมยังปล่อยให้ยายชราถูสบู่เอง สระผมเอง พออาบน้ำให้เสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้เดินกลับเข้าที่พักไปเองอย่างไม่สนใจไยดี

คลิปนี้ยาวประมาณ 4 นาที เผยแพร่ไว้โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง เขียนเล่าว่า "ชั่วจริงๆ แชร์ให้เป็นข่าวเลยครับ" ล่าสุดมียอดเข้าชมกว่า 5 ล้านครั้ง แชร์ไปกว่า 2 แสนครั้ง และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่า 5 หมื่นข้อความ



loading...

วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์และประณามการกระทำของหญิงในคลิป บางรายบอกว่าดูแล้วรู้สึกสลดหดหู่อย่างมาก และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาช่วยเหลือโดยด่วน
ล่าสุดทีมข่าวสายตรวจโซเชียล ได้ตรวจสอบที่มาของคลิปวิดีโอ ก็พบว่า เหตุการณ์ในคลิปไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เกิดในอินโดนีเซีย โดยแฟนเพจชื่อดังของอินโดนีเซีย ได้รายงานว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง ได้เผยแพร่คลิปไว้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา เขียนข้อความร้องให้ช่วยคุณยาย ที่ถูกหลานสาวซึ่งกำลังตั้งท้อง ทรมานทุบตีร่างกายทุกวัน
ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดังของอินโดนีเซีย ก็ได้โพสต์ข้อความรายงานว่า หลานสาวในวัย 30 ปี กระทำรุนแรงและทุบตีคุณยายที่มีอายุ 92 ปี ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาสังคมและมนุษย์ กรมสวัสดิการสังคมของอินโดนีเซีย ได้เข้าไปช่วยเหลือแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย.ผ่านมา โดยได้ส่งตัวหญิงชราไปรับการรักษา และพูดคุยเจรจากับคนในครอบครัว พร้อมกับจัดหาผู้ดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/650217

'อึ่งทองคำ' มาให้โชคอีกแล้ว!งวดที่แล้วรวยทั้งอำเภอ ร้องอยู่ใต้ถุนบ้าน แห่ลูบแป้ง ได้เลขเด็ดเพียบ


loading...


ชาวบ้านที่เพชรบูรณ์ เจออึ่งสีทอง ปรากฏตัวหลังฝนตกหนักกลางดึก ได้ยินเสียงร้องที่ใต้ถุนบ้านลงไปฉายไฟดู เห็นเป็นสีทองเหลืองอร่ามทั้งตัว เชื่อเป็นสัตว์มงคลมาให้โชคให้ลาภ เพื่อนบ้านแห่มาดู ช่วยกันลูบได้เลขเด็ดไปชุดใหญ่... 

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านวังไทรทอง หมู่ 1 ต.ซับเปิบ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ จำนวนมาก ได้กำลังพากันมามุงดูอึ่งประหลาดลักษณะสีทองทั้งตัว ที่บ้านของ นางสุทัศน์ ภูชุม อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 บ้านวังไทรทอง ต.ซับเปิบ อ.วังโป่ง

    เพื่อนบ้านแห่กันมาดูหลังทราบข่าวว่าจับอึ่งทองได้


loading...

ขณะเดียวกัน พอตื่นเช้าเพื่อนบ้านทราบข่าวว่าจับอึ่งทองได้จึงแห่กันมาดู โดยนางสาวอุไรศรี เสนพันธ์ อายุ 29 ปี บอกว่า ไม่เคยเห็นอึ่งสีทองทั้งตัวอย่างนี้มาก่อน เคยเห็นแต่ตัวออกสีดำปนน้ำตาล แปลกมาก ซึ่งเขาอาจจะมาให้โชคลาภ จึงทำขันห้ามาขอขมาและทำพิธีขอเลขเด็ดไปพร้อมกันด้วย

หลังจากนั้นนางสุทัศน์ ภูชุม เจ้าของอึ่งทองคำ และชาวบ้านได้นำแป้งหอมมาทาแล้วลูบไล้ที่ตัวอึ่งทองคำ บางคนถึงขั้นนำแว่นขยายมาส่องหาเลขเด็ด และเห็นเป็นตัวเลขที่ตัวอึ่ง เช่น เลข 59 , 67, 58, 942 เป็นต้น.



loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/649334?utm_source=line&utm_medium=OA&utm_campaign=News-jun-2016&utm_content=bullfrog-28062020

ด่วน!!! แฉธุรกิจ "ออรัลเซ็กซ์" เปิดโจ๋งครึ่มกลางกรุง สาวให้บริการอื้อ ฝรั่งเขียนรีวิวยิบ!!


loading...




ในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูล ว่า มีการเปิดธุรกิจสำเร็จความใคร่ด้วยปาก หรือ ออรัลเซ็กซ์ ที่ย่านนานา แหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติกลางกรุงเทพมหานคร โดยเปิดเป็นลักษณะร้านคล้ายคลินิก หรือ ร้านตัดผม โดยเปิดไฟสว่างไสวมีผู้หญิงคอยให้บริการ และแบ่งประเภทของผู้ให้บริการด้วยการใช้คำว่า "พยาบาล" และ "ที่ปรึกษา" โดยมีการกำหนดราคาของการใช้บริการอยู่ที่ 700 - 1,000 บาท และราคานอกสถานที่ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีร้านในลักษณะเดียวกันตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งภูเก็ต พัทยา เป็นต้น 



loading...

 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ของร้านดังกล่าว พบว่าเน้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีการระบุรายละเอียดการให้บริการไว้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการเขียนรีวิวถึงสถานที่ดังกล่าวโดยชาวต่างชาติ โดยบล็อกเกอร์รายหนึ่ง ได้เขียนเรื่องราวของร้านดังกล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2014 โดยให้ชื่อเรื่องว่า "I Went to a Blowjob Bar in Bangkok, Thailand" ซึ่งได้บรรยายถึงบรรยากาศของร้านว่า คล้ายคลินิกเพราะสว่างไสว มีอุปกรณ์คล้ายร้านทำผม รวมทั้งได้เข้ามาทดลองใช้บริการด้วย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเฟซบุ๊ก ก็พบว่า ร้านดังกล่าวมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดและเพิ่งอัพภาพพนักงานเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา



loading...

ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1467107480

เอาถึงตาย!!! เมื่ออสรพิษ VS อสรโหด ตูบใจเด็ด สู้งูเห่าแผ่แม่เบี้ย ปกป้องเจ้านาย งานนี้ใครจะเป็นพระเอก (มีคลิป)


loading...


สมาชิกเฟซบุ๊กที่ชื่อ Vivekananda Chakravarthy ชาวอินเดีย ได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมกับเล่าเรื่องราวความกล้าหาญของสุนัข 2 ตัว ชื่อว่า เจ้าบรูซและบรูโน่ ที่ได้ต่อสู้กับงูเห่าพิษร้าย เพื่อปกป้องเจ้าของให้ปลอดภัย

ภาพจากคลิปวิดีโอจะเห็นว่า เจ้าบรูซและบรูโน่กระโดดเข้าฟัดงูเห่าตัวที่กำลังยกตัวแผ่แม่เบี้ย หลังหลอกล่อด้วยความฉลาดเฉลียวในการสลับกันเข้าโจมตี สุดท้ายก็เอาชนะและกัดงูเห่าจนตายได้สำเร็จ 



loading...

ชาวอินเดียรายนี้โพสต์เล่าว่า สุนัขทั้งสองนั้นเป็นสุนัขล่าเนื้อสายพันธุ์พื้นเมืองของอินเดีย ช่วงแรกๆ ที่นำมาเลี้ยง หลายๆ คนบอกว่ารูปร่างมันไม่สวยน่ารักเหมือนสุนัขพันธุ์อื่นๆ แต่เมื่อเลี้ยงไปจนโต เขาพบว่ามันเป็นสุนัขนักสู้ที่ฉลาดมาก มันเข้าฟัดกับงูเห่าโดยไม่ลังเลใดๆ เลย แถมที่ผ่านมามันเคยกัดงูหลามและลูกงูเห่าจนตายมาแล้ว 4 ตัว
นอกจากนี้เจ้าของคลิปยังบอกด้วยว่า ขณะที่ถ่ายคลิปก็ยังขนลุกไม่หาย โชคดีที่เจ้าบรูโน่และบรูซช่วยปกป้องให้ปลอดภัยจากงูเห่ามีพิษตัวนี้

loading...

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/649264

พ่อแม่แทบใจสลาย!!! ภัยร้ายโซเชียล ล่วง ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว (มีภาพ)


loading...


การเล่นแชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ทำให้คนเป็นพ่อแม่แทบใจสลาย จนต้องฟ้องร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่ายชาย ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ทำให้ลูกสาวต้องเสียหาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดให้ไกล่เกลี่ยกัน และให้ฝ่ายคู่กรณีชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ผู้เสียหายตามสมควรแก่เหตุ แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีต่อไปเพราะเป็นความผิดอาญาไม่สามารถยอมความได้

ฉะนั้น นอกจากผู้เสียหายจะได้รับค่าชดใช้จากคู่กรณีแล้วนั้น ยังมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นผู้ที่ถูกกระทำให้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต หรือร่างกาย หรือจิตใจ เช่น ถูกทำร้ายร่างกายหรือฆ่า เพื่อชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือถูกข่มขืนกระทำชำเรา เป็นต้น

ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอรับสิทธิ ผู้เสียหาย หรือทายาทผู้ได้รับความเสียหาย (กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย) ต้องยื่นคำขอด้วยตนเอง ต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ตามแบบที่สำนักงานกำหนด ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา อาคารกระทรวงยุติธรรม เลขที่ 99 หมู่ 4 ชั้น 25 ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0 2502 8225-30 โทรสาร 0 2502 8226 หรือสำนักงานบังคับคดีจังหวัด เรือนจำจังหวัด ทัณฑสถาน คุมประพฤติจังหวัด และสถานพินิจจังหวัด ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ในกำหนดเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำความผิด

ส่วนการกำหนดให้ผู้เสียหายได้รับค่าตอบแทนเพียงใดนั้น จะคำนึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิด และสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมทั้งโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย

แต่ทว่า ในบางครั้งก็ยังมีช่องว่างของกฎหมายที่ไม่น่าจะเปิดเผย แต่เราในฐานะ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่มีหน้าที่เฝ้าระวังสังคม จึงต้องนำเรื่องราวมาตีแผ่ในรายงานพิเศษชิ้นนี้ เพื่อจุดประสงค์ในการให้สังคมรับรู้ เผื่อบุตรหลานใครอาจเข้าข่ายในลักษณะนี้...

    การเล่นแชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึก       ซึ้ง หัวอกคนเป็นพ่อแม่ใจสลาย

แจ้งจับหนุ่ม 16 พรากผู้เยาว์-ข่มขืน ด.ญ. วัย 14

ทีมข่าวฯ ได้ไปสืบทราบมาว่า เคยมีการแจ้งข้อหาหนุ่มวัยรุ่นกระทำอนาจาร ด.ญ. หลังแชตคุยกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.อธิวัฒน์ บางศรี รอง สว.สส. สน.บางกอกน้อย ว่า

พ่อของ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) วัย 14 ปี ได้เข้ามาแจ้งความเมื่อปลายปี 58 ว่า ด.ญ.ซี ได้ถูก นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ล่อลวง จึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพบว่า มีการร่วมประเวณีจริง และตรวจพบเชื้ออสุจิ แต่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงนำ DNA ของนายเอคู่กรณีไปเทียบยืนยันดู แพทย์ให้การว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้ ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมาสอบปากคำ ด.ญ.ซี และนายเอ พบว่าให้การตรงกันทั้งสองฝ่าย

จากนั้น จึงส่งหมายเรียกไปเชิญตัวนายเอ เข้ามาพบเพื่อดำเนินคดี ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย แต่พ่อของผู้เสียหายไม่ยอมเจอตัวกับคู่กรณี โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ไกล่เกลี่ยให้ ทางพ่อของผู้เสียหายขอให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหม จำนวน 100,000 บาท และมีการต่อรองจนเหลือ 70,000 บาท แต่ฝ่ายคู่กรณีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และไปไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาลต่อไป

ร.ต.อ.อธิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ จึงเรียกตัวนายเอมารับทราบข้อกล่าวหาเบื้องต้น คือ พรากผู้เยาว์ ข่มขืนเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี แต่ดูจากพฤติการณ์แล้วนายเอไม่มีทีท่าว่าจะหลบหนี ประกอบกับเรียกตัวมาสอบปากคำก็มาพบทุกครั้ง จึงอนุญาตให้นายเอไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล และรักษาตัวจนสามารถพูดคุยได้ก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้งหนึ่ง

หนุ่ม 16 เผย ด.ญ.เป็นฝ่ายเริ่มแชตคุย ก่อนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง หลังรู้จักเพียง 1 วัน

เมื่อได้พูดคุยเรื่องคดีความกับทางตำรวจแล้วนั้น ทีมข่าวฯ จึงได้สัมภาษณ์หนุ่ม 16 คู่กรณีในคดีข้างต้น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อ...

นายเอ นักศึกษา ปวช. ปี 2 วัย 16 ปี เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า ตนได้มีเฟซบุ๊กของ ด.ญ.ซี แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มีอยู่วันหนึ่ง ด.ญ.ซี ได้โพสต์สถานะว่า ‘ไลค์ทัก’ ตนจึงกดไลค์ไป จากนั้น ด.ญ.ซี ก็ทักแชตมาหาตนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ขณะที่คืนนั้นมีงานเลี้ยงที่บ้านรุ่นพี่ ตนจึงชวน ด.ญ.ซีไปด้วย โดย ด.ญ.ซีบอกว่าไปได้ๆ จึงนัดให้ไปรับ โดยตนกับเพื่อนขี่รถไปรับ ด.ญ.ซี แต่ไม่ออกมา ตนรอไม่ไหวจึงกลับไปก่อน

    นายเอ (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 2 วัย 16 ปี ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์

ต่อมา ด.ญ.ซี แชตมาบอกว่าขอโทษ ตอนนี้มานั่งรอแล้วมารับหน่อย ตนจึงขี่รถไปรับอีกรอบหนึ่งแล้วก็พาไปนั่งบ้านรุ่นพี่ พอตีสามตนถาม ด.ญ.ซี ว่ากลับบ้านไหม เพราะตนจะไปนอนบ้านเพื่อนอีกคน ด.ญ.ซี บอกว่า ยังไม่กลับได้ไหม ขอนอนอยู่ด้วย ตนจึงพาไปบ้านเพื่อนอีกคน โดยมีผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 5 คน แต่ตนนอนอยู่ข้างล่างสองคนกับด.ญ.ซี ส่วนคนอื่นๆ นอนอยู่ชั้นบน ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กัน

หลังจากนั้น ตนก็ไปส่ง ด.ญ.ซี ที่บ้านพี่ของเธอ วันต่อมาก็พูดคุยกันตามปกติ แต่ช่วงบ่าย ด.ญ.ซี ไม่ตอบแชตเฟซบุ๊กของตน ตอนแรกตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอตอนเย็นพ่อของ ด.ญ.ซี โทรเข้ามาหาตนบอกว่า รู้ไหมว่าทำอะไรลูกสาวเขา พ่อแม่ทำงานอะไร เขาบอกให้ตนรับผิดชอบ แล้วก็ขอคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ และเขาก็บอกแม่ว่า ตนไปข่มขืนลูกสาวเขาต้องรับผิดชอบ หลังจากนั้น พ่อของ ด.ญ.ซี โทรมาอีกหลายครั้ง ตอนนั้นตนเครียดและกลัวมาก จึงปิดเครื่องหนี

กระทั่ง ด.ญ.ซี ทักแชตเฟซบุ๊กมาว่าให้เปิดเครื่องโทรศัพท์ และห้ามหนี ถ้าหนีจะแจ้งตำรวจจับ พอตนเปิดเครื่อง พ่อของ ด.ญ.ซี ก็โทรมาบีบจนตนเครียดและคิดจะฆ่าตัวตาย แต่แม่มาห้ามไว้ได้

“ตอนแรกเพื่อนผมเคยพูดว่า อย่าไปยุ่งกับคนนี้ เพราะเวลาเขาจะคุยกับใครเขาจะดูว่าใครมีเงิน แต่ผมเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรไม่รู้ว่าจริงไม่จริง และเพื่อนผมถ่ายรูปรถมอเตอร์ไซค์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง เขาเห็นก็ทักแชตไปคุยด้วย พอเพื่อนผมบอกว่าไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์มัน เป็นรถผม เขาก็ตีตัวออกห่างไม่คุยด้วย ชวนไปไหนก็ไม่ไป ตอนนี้ผมรู้ว่าผมผิดและเข็ดมาก ผมไม่กล้าไปนัดเจอใครอีกแล้ว” นายเอ กล่าว

แม่หนุ่ม 16 แสดงความบริสุทธิ์ใจ ขอเจรจาที่ สน. พ่อ ด.ญ. ไม่ยอมมา

นางติ๋ม (นามสมมติ) แม่ของนายเอ เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังต่อว่า ตอนที่ลูกชายกลับมาบ้านได้โทรไปคุยกับพ่อของ ด.ญ.ซี โดยเขาพูดแต่เพียงว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องรับผิดชอบ คุณต้องชดใช้ ขณะที่ทางตนเมื่อได้ยินว่าต้องชดใช้เลยถามกลับไปว่า จะให้ชดใช้อย่างไรให้บอกมาเลย แต่พ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ได้บอกออกมาเป็นตัวเงิน พูดแต่ว่า ต้องชดใช้ๆ เลยบอกไปว่า ให้ไปคุยกันที่สถานีตำรวจ เผื่อพ่อของ ด.ญ.ซี จะต้องการอะไรมากกว่านี้ ตำรวจจะได้ช่วยเคลียร์ให้ ตนยอมรับว่าลูกตนเป็นคนผิด จึงอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่หนีและรับผิดชอบทุกอย่าง

    ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว ครอบครัวใจสลาย

ต่อมา ตนได้ขอยื่นข้อเสนอชดใช้ให้ 5,000 บาทก่อน เพราะตนมีเท่านี้ และพ่อของ ด.ญ.ซีได้โทรกลับมาคุยอีกครั้ง ตนจึงให้สามีคุยว่า ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ช่วยได้ 10,000 บาท แต่ยังให้ตอนนี้ไม่ได้ เพราะเป็นกลางเดือนพอดี ก็เลยขอให้เป็นปลายเดือนตอนเงินเดือนออก ด้วยความที่ยอดเงินมันน้อยเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ พ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ยอมระบุออกมาเป็นจำนวนเงินว่าจะเอาเท่าไร จึงตกลงกันไม่ได้


loading...

วันรุ่งขึ้น พ่อของ ด.ญ.ซี ได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางกอกน้อย หลังจากที่ตนได้ทราบเรื่องจึงตามไปที่ สน. ให้ลูกชายไปยอมรับวันนั้นเลย และรอพ่อของ ด.ญ.ซีมาเจรจาว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะตอนนี้ตนอยู่ที่ สน. ระหว่างรอช่วงหัวค่ำจึงโทรไปคุยรอบหนึ่ง พ่อของ ด.ญ.ซี ตอบกลับมาว่า พาลูกสาวไปตรวจภายในที่โรงพยาบาลจึงไม่สะดวกมา ตนได้นั่งรอจนเกือบประมาณเที่ยงคืนก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจโทรไปอีกครั้งเพราะรอนานมาก และรออยู่ที่ สน.

ช่วงที่คุยโทรศัพท์กับพ่อของ ด.ญ.ซี ตนขอเจรจาเรื่องค่าชดใช้ ทางพ่อของ ด.ญ.ซี บอกแต่เพียงว่า ให้อยู่ได้แค่ 5,000 บาทตนจึงตอบกลับไปว่า ไม่ต้องพูดถึงเงินจำนวนนั้นแล้ว ตอนนี้เรื่องมาอยู่ที่ สน.จะเอาอย่างไรให้บอกมาเลย โดยตอนที่คุยโทรศัพท์ตนอยู่ที่ สน.

ระหว่างคุยทางพ่อของ ด.ญ.ซี ได้ยกตัวอย่างว่า มีอีกเคสหนึ่ง คล้ายๆ กัน ชดใช้ให้เขาแค่ 40,000 บาท เขายังไปแจ้งความจับเลย และตอนนี้ให้ทนายฟ้องค่าเสียหายอยู่ 500,000 บาท ตนไม่ได้เอะใจอะไรก็เลยถามย้ำอีกครั้งว่า ตกลงจะเอาอย่างไร เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว พ่อของ ด.ญ.ซี ตอบกลับมาว่า ขอเรียก 100,000 บาท ตนเลยบอกว่า เดี๋ยวค่อยคุยแล้วกัน พร้อมกดวางสายไป และบอกตำรวจที่ดูแลคดีนี้ว่า ได้ติดต่อไปทางพ่อของ ด.ญ.ซี แล้ว และเขาขอเรียกเงิน 100,000 บาท จึงขอให้ทางตำรวจช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ย เพื่อลดจำนวนเงินลง แต่ก็ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน

แต่อย่างไรก็ตาม ทางตนยังไม่ได้จ่ายค่าชดใช้ให้ แม้ว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเจรจาแล้วก็ตาม พ่อของ ด.ญ.ซี ยังยืนยันมาจนถึงวันนี้ ทำให้ ณ ตอนนี้มียอดเงินที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมอยู่ที่ 70,000 บาท ซึ่งเท่าที่รู้มาผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อของ ด.ญ.ซี บอกว่า ให้ทางตนผ่อนชำระให้ครบ 70,000 บาท และหลังจากนั้นมา ทางฝ่ายผู้หญิงก็ไม่ได้ติดต่อตนมาเลย เรื่องจึงจบอยู่ตรงนั้น อยู่ในชั้นกระบวนการตรวจสอบ

หลังจากที่ นางติ๋ม เล่าเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฯ​ ฟังจนจบ ทีมข่าวฯ จึงได้ถามต่อว่า จะยอมจ่ายเงินให้ฝ่ายผู้หญิงหรือไม่นั้น นางติ๋ม ตอบว่า หากฝ่ายผู้หญิงเรียกเงินเยอะขนาดนั้น ตนไม่สามารถจ่ายให้ได้ แต่ถ้าเรื่องถึงศาล และศาลเห็นสมควรต้องจ่ายอย่างไร ตนก็ยินดี แต่ถ้ามากไปกว่านี้ ทางครอบครัวยอมรับว่าไม่มีจริงๆ ชดใช้ได้เท่าที่ได้

ซึ่งก็ได้บอกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า จะขอช่วยเบื้องต้นก่อน 20,000 บาท เพราะลูกชายต้องเข้าผ่าตัดใช้เงินอีกเยอะ แต่ทางตำรวจบอกว่า ทางฝ่ายพ่อผู้หญิง ยืนยันจะเอา 70,000 บาท


    นายบี (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี คู่กรณีของ พ่อของ ด.ญ.ซี รายที่สอง รู้จัก ด.ญ.ผ่านทางเฟซบุ๊ก และนำไปสู่ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

พ่อ ด.ญ. เคยไปรับเงินเยียวยาถูกข่มขืนมาแล้ว 2 ครั้ง

นอกจากนี้ นางติ๋ม ยังเล่าต่อว่า ตนติดต่อไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้เล่าเรื่องให้เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ฟัง ทางเจ้าหน้าที่ได้คีย์ข้อมูลจากเลขบัตรประชาชนพ่อของ ด.ญ.ซี ปรากฏว่าพ่อของ ด.ญ.ซี เคยเดินทางมาขอรับเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายในคดีอาญา จากที่นี่แล้ว 2 ครั้ง โดยเคสแรกได้เข้าแจ้งความที่เชียงราย เคสที่สองที่ สน.บางกอกน้อย และลูกชายตนเป็นเคสที่ 3 แต่ที่น่าแปลก คือ ทั้งสามเคสเป็นคดีคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น ถูกกระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ และเข้ามาขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา จากกรมคุ้มครองสิทธิฯ

นางติ๋ม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ตนสงสัยในสิ่งที่พ่อของ ด.ญ.ซี ได้ไปขอรับเงินเยียวยาที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ถึง 2 ครั้ง และกรณีลูกชายตนเป็นครั้งที่ 3 ตนจึงได้หาข้อเท็จจริงเพิ่มจากแม่ของเพื่อน ด.ญ.ซี ทราบว่า เคยมีเหตุการณ์ที่ ด.ญ.ซี ทะเลาะกับพ่อและต้องไปอยู่ที่ร้านเกม แม่ของเพื่อนสงสาร จึงช่วยเหลือให้ไปนอนด้วยที่บ้าน แต่ด้วยความที่ห้องแคบ พ่อและแม่จึงไปนอนกับเพื่อนข้างบ้านแทน ปล่อยให้ด.ญ.ซี นอนกับลูกสาว พอเช้ามาพ่อของ ด.ญ.ซี มาอาละวาดหน้าบ้าน หาว่าแม่ของเพื่อน ด.ญ.ซี กักขังหน่วงเหนี่ยวลูกตัวเอง จนต้องเรียกอาจารย์ที่โรงเรียนมาเคลียร์ให้ อีกทั้งยังบอกว่าโชคดีที่คืนนั้นพ่อของเพื่อนไม่ได้นอนอยู่ในบ้านด้วยกัน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้

พบเคสก่อนหน้า แจ้งจับเด็ก ปวช. ปี 1 ชำเราลูกสาว

หลังจากทีมข่าวฯ ทราบถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนายเอ เมื่อปลายปี 58 จนได้ทราบว่า เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันก่อนหน้านั้น 6 เดือน ที่ สน.บางกอกน้อย

ทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ เพียงผือ รอง สว.สส.สน.บางกอกน้อย ผู้รับผิดชอบคดีของนายบี (นามสมมติ) นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวฯ ว่า พ่อของผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความเมื่อช่วงกลางปี 58 ว่าลูกสาวถูกนายบี นักศึกษา ปวช. ปี 1 กระทำชำเรา จากนั้นจึงลงบันทึกประจำวัน และส่งตัวไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพบว่า มีการร่วมประเวณีกันจริง

ทั้งนี้ ได้แจ้งไป 3 ข้อหา คือ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และได้ส่งเรื่องไปที่อัยการแล้ว แต่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง

หลังจากนั้น ได้ส่งหมายเรียกไปยังคู่กรณี โดยทางนั้นรับทราบและยินดีที่จะชดใช้ค่าสินไหมให้ ต่อมาจึงได้โทรไปไกล่เกลี่ยกับฝ่ายผู้เสียหาย ว่าทางคู่กรณียินดีรับผิดชอบและเยียวยาให้ ทางฝ่ายผู้เสียหายก็ตกลง แต่ไม่ยอมคุยกับแม่ของคู่กรณี และพยายามจะถามว่า แม่ของคู่กรณีชดใช้ให้ถึงแสนหรือไม่ หากไม่ถึงแสนก็ไม่คุย แม้จะโทรไปไกล่เกลี่ย 2-3 รอบ ฝ่ายผู้เสียหายก็ไม่คุย แต่ในชั้นพนักงานสอบสวนทางฝ่ายผู้เสียหายไม่ยอมคุย ศาลก็จะนัดให้คุยกันอยู่แล้ว

    แชตผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นหญิงชาย จนนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง หัวอกคนเป็นพ่อแม่ใจสลาย จึงเกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีกับฝ่ายชาย

ทีมข่าวฯ ถามต่อว่า ทราบมาว่าพ่อของ ด.ญ.ซี เคยมาแจ้งความกรณีลูกถูกกระทำชำเราที่ สน.บางกอกน้อย แล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อกลางปี 58 ซึ่งมีคู่กรณีเป็นนายบี และล่าสุด ปลายปี 58 มีคู่กรณีเป็นนายเอ ทาง ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ พอทราบเรื่องนี้บ้างหรือไม่

ร.ต.อ.หญิง ณัฏฐกัญฐ์ กล่าวว่า เพิ่งจะทราบในตอนหลัง โดยเท่าที่สันนิษฐานทางพ่อของ ด.ญ.ซี ไม่ยอมมาแจ้งความกับตนในอีกเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด วันนั้นพ่อของ ด.ญ.ซี มาตั้งแต่เช้า ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เข้ามาแจ้งความว่าเด็กหาย แต่ครั้งนี้ตนเข้าเวรวันนั้นพอดี และพ่อของ ด.ญ.ซีก็มาแจ้งว่าเจอตัวลูกแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พอเกือบ 6 โมงเย็น ตนเห็นพ่อของ ด.ญ.ซี มานั่งอยู่หน้า สน. หลังจากออกเวรไปเขาก็เข้ามาแจ้งความกับตำรวจอีกคนหนึ่ง เป็นพฤติการณ์ในทำนองเดียวกัน ตนจึงเคลือบแคลงใจว่า ตนเข้าเวรทั้งวันทำไมไม่มาแจ้งความกับตน

โผล่อีกคดี! พ่อ ด.ญ.เรียกเงินแสน ยอดต่ำกว่าไม่เจรจา

ทีมข่าวฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) แม่ของนายบี นักศึกษา ปวช. ปี 1 วัย 15 ปี คู่กรณีของ พ่อของ ด.ญ.ซี รายที่สอง โดย น.ส.อ้อย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตนให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า นายบี ลูกชายของตนได้รู้จักกับ ด.ญ.ซี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และได้ตกลงคบกันเป็นแฟนประมาณเดือนกว่า

เมื่อช่วงกลางปี 58 ลูกชายได้เห็น ด.ญ.ซี โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า ทะเลาะกับพ่อและจะหนีออกจากบ้าน ลูกชายตนจึงสอบถามไปด้วยความเป็นห่วง ซึ่งขณะนั้น ด.ญ.ซี ไม่มีเงินติดตัวและอยู่ที่บริเวณแยกไฟฉาย ด้วยความที่ลูกชายไม่มีรถ จึงให้เพื่อนไปรับ ด.ญ.ซี แทน แต่ไม่พบ ด.ญ.ซี ที่แยกดังกล่าว ประกอบกับโทรศัพท์แบตฯ หมดจึงไม่ได้ติดต่อกับ ด.ญ.ซี อีก

จากนั้น ลูกชายได้พบกับ ด.ญ.ซี หน้าบ้านเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งทราบจากเพื่อนที่ให้ไปรับว่า ขณะกลับบ้านได้เจอ ด.ญ.ซี และเพื่อนหญิงหน้าห้างแห่งหนึ่ง ด.ญ.ซี ได้บอกกับเพื่อนลูกชายว่าให้มาส่งที่บ้าน จึงขี่รถมาส่งให้ ทำให้คืนนั้นลูกชายกับ ด.ญ.ซี ได้นอนอยู่ด้วยกัน โดยที่ตนไม่ทราบมาก่อน รู้แต่เพียงว่ามีเสียงพัดลมในห้องลูกชาย คิดว่ากลับมาบ้านก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย

    ภัยร้ายโซเชียล ด.ญ.14 ติดแชตจนเสียตัว

คืนต่อมา หลังจากที่ลูกชายพา ด.ญ.ซี ไปงานวันเกิดรุ่นพี่ และพากลับบ้านของตน เมื่อตนเห็นจึงถามลูกชายไปว่า ด.ญ.ซี เป็นใคร ลูกชายตอบไปว่า เป็นแฟน และได้ถาม ด.ญ.ซี ว่าจะกลับบ้านตอนไหน ลูกชายตอบแทนว่า ยังไม่รู้ โดยที่ตอนนั้น ด.ญ.ซี ไม่ได้พูดอะไรก่อนเดินเข้าห้องลูกชายไป และได้มีอะไรกันในคืนวันนั้น

ต่อมา ตนทราบจากลูกชายว่า ด.ญ.ซี ได้ติดต่อมาหาลูกชาย โดยบอกว่าพ่อจะแจ้งความจับ และยังบอกว่าพ่อกำลังฟ้องร้องอยู่อีกคดีหนึ่งด้วย และถามว่ามีเงินหรือไม่ โดยขอเงินค่าเสียหายจำนวน 20,000-40,000 บาท ให้ลูกชายโอนเงินให้เดี๋ยวนี้ แต่ลูกชายไม่มีเงิน จึงได้ให้เบอร์ตนไป และภายหลังลูกชายได้โทรไปหาพ่อของ ด.ญ.ซี เพื่อขอคุยเรื่องของ ด.ญ.ซี ว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งพ่อของ ด.ญ.ซี ยืนยันว่าจะดำเนินคดี และวางสายไป จากนั้นลูกชายก็ไม่ได้คุยกับ ด.ญ.ซี อีกเลย เนื่องจากถูกบล็อกเฟซบุ๊ก

กระทั่งมีหมายเรียกมาก็ไปที่ สน.บางกอกน้อย ให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยให้ แต่ไม่ได้เจอหน้าหรือคุยกับฝ่ายผู้หญิง เพราะทางนั้นไม่ยอมคุย จะคุยผ่านตำรวจตลอด โดยพ่อ ด.ญ.ซี บอกว่า ต้องการ 100,000 บาท ถ้าไม่ถึงแสนไม่คุย ซึ่งตนก็รับผิดชอบ แต่จะเอาเงินแสนไม่มีให้ เพราะทำงานหาเช้ากินค่ำ แต่ถ้าให้มาอยู่ด้วย หรือส่งเสียให้เรียนหนังสือตนสามารถจัดการให้ได้

อย่างไรก็ตาม คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ แต่มีการเลื่อนฟ้องมา 5 ครั้งแล้ว ตนต้องโทรไปถามอีกครั้งหนึ่งว่าจะนัดเมื่อไหร่

รายงานพิเศษชิ้นนี้ ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจว่า กรณีที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถือเป็นเจตนาหากินของผู้ใหญ่บางคนหรือไม่?

สำหรับในตอนหน้านั้น ทีมข่าวฯ จะพูดถึงเรื่องกฎเกณฑ์ใดบ้างที่มีสิทธิรับเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา และทางกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะมีวิธีตรวจสอบหรือไม่ว่า เคยมีเคสไหนบ้างที่มาขอรับเงินซ้ำๆ อยากให้ทุกคนรู้ไว้ เพราะเงินที่จ่ายนั้น เป็นเงินภาษีของประชาชนนั่นเอง!


loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/645457

ฮือฮา!!! คอหวยห้ามพลาด แห่ส่องทะเบียน สาวเบญจเพส คลอดลูกบนรถ! เชื่อให้โชคกับเจ้าของ


loading...


สาวลานสัก อุทัยธานี ท้องแก่ใกล้คลอด อยู่บ้านบ่นปวดท้อง แม่รีบวานญาตินำขึ้นรถส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทัน คลอดเสียก่อนบนรถ เป็นเด็กผู้หญิงน้ำหนัก 2,500 กรัม ชาวบ้านแห่ส่องทะเบียนรถ เชื่อจะให้โชคลาภกับเจ้าของ...


วันที่ 27 มิ.ย. ที่โรงพยาบาลลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ได้มีชาวบ้านนำ นางสาวสุกัญญา ขำเนินเพิ่ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.12 บ้านทุ่งเศรษฐี ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่ตั้งครรภ์ และครบกำหนดคลอดบุตร แต่ขณะพามาที่โรงพยาบาล คนเป็นแม่ได้คลอดลูกบนรถ เป็นเด็กผู้หญิง น้ำหนักตัวประมาณ 2,500 กรัม โดยญาติได้อุ้มเด็กเอาไว้ เมื่อถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จึงรีบตัดสายสะดือและนำเด็กเข้าไปดูแล

loading...

สอบถาม นางผ่องศรี ไพรจิตร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.12 บ้านทุ่งเศรษฐี แม่ของนางสาวสุกัญญา บอกว่า ลูกสาวตั้งครรภ์จนถึงกำหนดคลอด โดยก่อนหน้านี้ ลูกสาวมีลูกมาแล้ว 2 คนเป็นเด็กผู้ชาย ในวันนี้ตอนเช้า ขณะตนกำลังจะไปทำงานรับจ้าง ลูกสาวบ่นปวดท้อง ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้ตะโกนเรียกญาติที่มีรถยนต์ให้นำตัวมาส่งโรงพยาบาล แต่ลูกสาวคลอดเสียก่อนขณะอยู่บนรถ ยังดีที่ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

ขณะที่ นายแสงอุทัย สุทา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/3 ม.12 บ้านทุ่งเศรษฐี ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เจ้าของรถกระบะนิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม หมายเลขทะเบียน บท 6248 อุทัยธานี คันที่นำส่ง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังจะออกมาทำงาน แม่ของนางสาวสุกัญญา ได้วิ่งมาบอกกับตนว่าลูกสาวปวดท้องใกล้คลอด วานให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางขณะรถวิ่ง แม่เด็กได้ร้องว่าจะคลอดแล้ว จะคลอดแล้ว ตนจึงรีบขับเพื่อให้ถึงโรงพยาบาล แต่ไม่ทัน เด็กคลอดบนรถเสียก่อน

ขณะเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลลานสัก รวมถึงญาติที่มาเยี่ยมคนป่วยต่างเดินมาดู และใช้โทรศัพท์ถ่ายป้ายทะเบียนรถกระนิสสันบิ๊กเอ็ม คันที่นำหญิงท้องแก่ส่งโรงพยาบาล เป็นทะเบียนเลข 6248 เมื่อถามว่าถ่ายทำไม ก็ได้รับคำตอบว่าจะเอาไปซื้อหวย เพราะรถยนต์ที่มีเด็กคลอดบนรถนั้น เชื่อกันว่าจะให้โชคให้ลาภกับเจ้าของรถ.

loading...

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/648311

(โลกลี้ลับ) จะดีหรือร้าย?? 9 ความเชื่อลางบอกเหตุ ไม่เชื่ออย่าลบลู่ ที่คุณอาจยังไม่รู้..? แต่ผมเจอมาแล้ว อึ้ง เลย


loading...


1.ทำไมหมากลัวคนเกิดปีขาล
ปีขาล เป็น ปีเสือ คนเกิดปีเสือเป็น "คนดุ" เป็นเจ้าป่า สิงสาราสัตว์เกรงกลัว ย่างก้าวไปที่ไหน! ก็เป็นที่เกรงกลัว แลให้ความยำเกรงในราศีและบารมี ดังนั้น…คนเกิดปีขาล จึงดุดัน!! สุนัข หรือหมาที่เห่าเก่ง ๆ และชอบไล่กัดผู้คน แต่ถ้ามาเจอคนปีขาล หมาจะสงบนิ่ง ด้วยความเกรงกลัว อาจถึงขั้นลงนอนหมอบเชื่อฟังคำสั่ง? จะจริงหรือไม่ ? ลองหาคนเกิดปีขาล แล้วพาไปพบหมาดูซิครับ จะโดนเห่าหรือโดนกัด หรือเปล่า ต้องท้าพิสูจน์เพื่อความจริง!!! หมาหรือคนใคร? จะแน่กว่ากัน!!!


2.เที่ยงตรง เวลาอันตราย!!
เวลาเที่ยง คือ…เวลาที่พระอาทิตย์อยู่ตรงศรีษะพอดี เป็นเวลาที่ร้อนมากๆ ที่สำคัญ ถ้าท่านต้องประสบอุบัติเหตุ และมีการเลือดออกจะเป็นอันตรายมาก! ผู้คนจึงไม่นิยมออกจากบ้าน หรือ มีนัดเวลาเที่ยงตรง ควรเลื่อนออกไปสักเล็กน้อย เพื่อเป็นเคล็ดสำหรับการนัดหมาย และอีกอย่าง เวลา 12.00 น. คือ เที่ยงตรง ! เป็นเวลาพักรับประทานอาหาร งานธุรกิจจึงหยุดชั่วคราว ดังนั้น…เที่ยงตรง จึงไม่เหมาะสมกับการนัดหมาย และธุรกิจทุกชนิด!!


3.อย่าหันหัวเวลานอน ไปทางทิศตะวันตก
การจัดเตียงนอน คนไทยถือว่าสำคัญมาก จะไม่หันหัวเตียงไปทางทิศตะวันตกเด็ดขาด ทิศตะวันตกคือ ทิศที่คนเรา เมื่อตายไปแล้วเขาจะหันหัวไปทางทิศตะวันตก เพราะฉะนั้น เรา ยังไม่ตาย เราก็อย่าหันหัวเวลานอน ไปตามทิศของศพคนตาย อย่าทำให้ชีวิตตกไปตามแสงตะวัน ส่วนมากเตียงนอนจะหันไปทางอื่น ที่ไม่ใช่ทิศตะวันตก เพราะฉะนั้น คนที่ออกแบบห้อง จึงต้องดูทิศให้ดีๆ ไม่อย่างนั้น คงตกงานแน่ๆ!! ฟังจากเหตุผลแล้ว มันก็ไม่เสียเงินเสียทองอะไร ? กับการแค่ อย่าหันหัวเตียงไปทางทิศตะวันตก ก็ทำตามคนโบราณไปเถอะครับ อย่างน้อยก็ไม่ฝืนความรู้สึกของคนรอบข้าง


4.ผึ้งทำรังในบ้านเป็นลางดีหรือร้าย?
ผึ้ง เป็นสัตว์นำโชค และส่วนใหญ่ผึ้งมักทำรังตามต้นไม้ใหญ่อยู่ในที่สงบ และต้องไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากมายนัก เพื่อความปลอดภัยของตัวรัง แต่…ถ้าผึ้งหลงเข้ามาทำรังบริเวณบ้าน และไม่ก็เป็นที่รบกวนพวกคนในบ้าน ก็…ปล่อยให้เข้ามาทำรังเถอะครับ โชคดี…กำลังจะเข้าสู่บ้านของท่านแล้วล่ะครับ ความร่มเย็น และความสุขจะปรากฎให้ท่านนั้นได้เห็นทันตา เพียง…อย่าให้เด็ก หรือใครไปแย่รังผึ้งจนแตกรัง อันตรายจะมาแทน !! ผึ้งเข้าบ้านถือว่านำโชค เลี้ยงไว้เถอะครับ !

5.ห้ามทักเด็กว่าน่ารัก
เด็กๆ น่ารักทุกคน แต่โบราณกล่าวว่า "ห้ามทักเด็กว่าน่ารัก" เพราะว่า การชมเด็กจะได้ยินไปถึงพวกผี ซึ่งนิสัยไม่ดี ชอบลักขโมยเด็กไปซ่อน !! ดังนั้น จึงให้ชมเด็กว่า "น่าเกลียดน่าชัง" พวกผีได้ยินจะไม่สนใจเด็กคนนั้น และจะหาคนต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขบคิดดีเหมือนกันนะครับ ทำให้ปัจจุบันเด็กที่ยังเดินไม่ได้ หรือยังแบเบาะ รวมทั้งเด็กที่ยังพูดไม่ได้ ก็จะถูกขอร้องให้ใช้คำชมว่า "น่าเกลียดน่าชัง" อยู่แทบทุกครัวเรือน แต่โตขึ้น ขออย่าได้ยินเลย "ทั้งเกลียดทั้งชังลูกเลวๆ"


loading...

6.ตุ๊กแกร้องกลางวันเป็นลางดีหรือร้าย?
ตุ๊กแก เป็นสัตว์ที่ร้องกลางคืนเท่านั้น! แต่ถ้าเมื่อใดมันร้องกลางวัน ภายในบ้านของท่าน นั่นแสดงว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น อาจมีคนเจ็บป่วย หรือได้รับอันตราย ปกติตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่ไม่ทำร้ายใคร! และ……เชื่อว่า ตุ๊กแก คือ ร่างของปู่ ย่า ตา ยาย กลับมาสิงอยู่ และคอยส่งเสียงร้องเตือนลูกหลานด้วย เวลาลูกหลานทำสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ตุ๊กแก ดีนะครับ แต่…ในละครทีวี ตุ๊กแกผี มันเป็นเรื่องแต่งนะครับ! อย่างนั้นอย่าไปเชื่อเด็ดขาด เสียงร้องของ ตุ๊กแก คนโบราณช่างสังเกต ช่างจดช่างจำ และบันทึกเสียง ตุ๊กแก ไว้อย่างน่าสนใจ ตุ๊กแกมีทั้งให้คุณ และให้โทษ แบบไหนดี หรือไม่ดี มาดูกันดีกว่านะครับ
- ร้องเสียง แก แก จะมีความหมายในทางไม่ดี ชั่วช้า เลว ... ให้รีบไล่ไปทันที เพื่อแก้เคล็ด
- ร้องเสียง ครอด ออด ออด ไม่มีความหมาย
- ร้องต่ำกว่า 5 ครั้ง ไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ แต่อยู่เกณฑ์ชั่วนิด ๆ จะไล่หรือไม่ไล่แล้วแต่ ดุลยพินิจของเจ้าบ้าน
- ร้อง 5 ครั้ง หมายถึง เสนียด จัญไร ทำให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ นานา ให้รีบไล่ไปให้พ้นอย่าง รีบด่วนที่สุด
- ร้อง 6 ครั้ง หมายถึง เจ้าของบ้านจะเดือดร้อน อึดอัด คับแค้นใจ เก็บทรัพย์ไม่อยู่ ควรไล่ ออกไปเพื่อความสบายใจของคนในบ้าน
- ร้อง 7 ครั้ง ความหมาย ไม่ดี เพราะจะทำให้เสียทรัพย์สินเงินทอง ดวงการเงินแย่ลง เจ้าหนี้ ตามรังควาน หมุนเงินไม่ทัน ควรรีบไล่ไปเร็วพลัน
- ร้อง 8 ครั้ง ความหมาย ดี เงินทองคล่องมือ จะทำให้เกิดโชคลาภเงินทองมาก ก็ควรเลี้ยง เจ้าตัวนี้ไว้
- ร้อง 9 ครั้ง ความหมาย ดี เพราะจะทำให้เจริญรุ่งเรือง เจ้าของบ้านควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงไว้
- ร้อง 10 ครั้ง ดีมาก จะทำให้มั่งมีในทรัพย์สินเงินทอง เงินทองไหลมาเทมาเพิ่ม พูนดี ค้าขายคล่องมือมีแต่กำไร เจ้าของบ้านก็ควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงไว้
- ร้อง 11 ครั้ง ดี 2 เด้ง จะทำให้ร่ำรวยเงินทอง และได้พบเจอคู่ครองที่ถูกใจ ให้เลี้ยงไว้จะเกิดผลดีอย่างที่กล่าว

7.อย่าเคาะจานข้าว
เวลารับประทานอาหาร โบราณท่านถือว่า ห้ามเคาะจานข้าว เพราะจะเป็นการเรียนวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว กินอาหารคาวหวานท่านต้องเคยเห็นเวลาเราไหว้ศพ หรือไหว้วันสำคัญ เราจะจัดชุดสำหรับพวกผีไม่มีญาติ และทำพิธิเรียกมากิน โดยใช้การเคาะถ้วยชาม ดังนั้นผู้ใหญ่จึงถือมาก ห้ามลูกหลานเคาะจานชามเวลากินข้าว

8.กลางคืนห้ามกวาดบ้าน
การกวาดบ้านเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากของคนไทย แทบทุกบ้าน จะต้องกวาดบ้าน แต่…ในอเมริกาใช้การดูดฝุ่นแทน เพราะพื้นบ้านเขานั้นปูพรม จึงไม่มีคำโบราณห้ามไว้ว่า "ห้ามดูดฝุ่นตอนกลางคืน" แต่สำหรับคนไทยนั้น โบราณถือกันมาก "การกวาดบ้านกลางคืน" เพราะการกวาดบ้านตอนกลางคืนนั้นจะ "กวาดเงินกวาดทองออกจากบ้าน" แต่… จริงๆ ผมคิดว่า คนโบราณสอนให้ลูกหลาน ระวังของมีค่าจะถูกกวาดทิ้งไป เพราะกลางคืนสมัยก่อนมืดมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้สว่างไสวเหมือนทุกวันนี้ งดได้ก็ดีนะครับ เพราะการกวาดบ้านกลางคืนมันไม่เหมาะสมทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะกลางคืนเป็นเวลาพักผ่อน !!


9.เผาศพวันศุกร์
"วันศุกร์" เป็นวันแห่งโชคลาภ วันแห่งความร่มเย็นมีความสุข "วันศุกร์" จึงเหมาะแก่งานมงคลมากกว่า เช่น แต่งงานขึ้นบ้านใหม่ หรือฉลองพิธีต่างๆ จึงไม่นิยมจัดงานอัปมงคลกันในวันศุกร์ ดังนั้น….วันศุกร์ งดการเผาศุกร์ เพราะ…เป็นการให้ทุกข์กับคนเป็น ผู้คนส่วนมากจึงนิยมแต่งงานในวันศุกร์ และไม่มีงานเผาศพในวันศุกร์ "วัน"….ก็มีความสำคัญกับการดำรงชีวิตของมนุษย์


loading...

ที่มา:http://deeps.tnews.co.th/contents/193530/

ทึ่ง!!! วิธีรักษาแผล (เบาหวาน) ด้วยหนอนแมลงวัน ได้ผลจริง มีคนแชร์ไปแล้วเกือบหมื่นครั้ง (มีภาพแล้วคลิป)


loading...


ทึ่ง!!! วิธีรักษาแผล (เบาหวาน) ด้วยหนอนแมลงวัน ได้ผลจริง มีคนแชร์ไปแล้วเกือบหมื่นครั้ง (มีภาพแล้วคลิป)


loading...




loading...

ที่มา:My name is Stang

(โลกลี้ลับ)สะพรึง3โลก!! ที่สุดของไสยศาสตร์มนต์ดำของใครแรงกว่ากัน!!! ถ้าใครโดนของเข้าจะเป็นแบบนี้ บอกคำเดียวไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ??!!??


loading...


 ในแต่ละถิ่นฐานบ้านเมือง เมื่อมีมนุษย์ผู้คนอาศัยอยู่ย่อมมีความเชื่อในกลุ่มๆนั้นของตนเกิดขึ้น ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหนือธรรมชาติ ถ้าเปลี่ยนแปลงจนถึงคั่นเชื่อถือ นับถือโดยไม่มีเหตุผลใดๆมารองรับและใช้ความอัศจรรย์ใจในการจะเชื่อ เช่นนี้มีความเชื่อรูปแบบหนึ่งที่เรารู้จักกันดีนั่นก็คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ไสยศาสตร์” ซึ่งมี ๕ ระดับ ตามถิ่นกำเนิดดั้งนี้

( ไอ้งั่งตาแดง )

อันดับที่ ๑ ไสยศาสตร์เขมร อาถรรพ์เวทย์

   ไสยศาสตร์ที่มีความน่ากลัวเป็นอันดับหนึ่งคือไสยศาสตร์เขมร ทั้งเสกตะปู เสกหนังควาย เสกควายธนู เสกใบมีดเสกเส้นผม เสกต่อแตน เสกอะไรต่อมิอะไร มาจากอาถรรพ์เวทย์โดยตรงก็สมควรที่จะน่ากลัว เวลามีพิธีบูชายันต์ ฆ่าสัตว์เป็นๆมันดูป่าเถื่อน เวลาใช้กับคนส่วนใหญ่เอาถึงตาย ทำคุณไสยแค่ขู่ก็แบบสาหัส หรือพิกลพิการ และที่สำคัญแก้ไขและรักษายาก ทำคุณไสยใส่ได้ในคนจำนวนมากๆพร้อมกัน จำพวกไสยศาสตร์เขมรก็จะประกอบไปด้วยมหาเสน่ห์ ยาแฝด น้ำมันพราย ไอ้งั่งตาแดง แม่เป๋อตาแดง พราย กุมารทอง กุมารี สารพัดผี ส่วนด้านการโจมตีก็วัวธนู ควายธนู ซึ่งมีมากมายหลายแขนงวิชา วิชาที่ต่ำๆก็มีการใช้เถ้ากระดูก กระดูก ดินป่าช้า ดินใต้โลงศพ ดินบนโลงศพ เลือดมนุษย์ น้ำหนองผี เลือดประจำเดือน ปัสสาวะ ดินเจ็ดบ่อน ดินเจ็ดตลาด เดินติดเท้า อะไรประมาณนี้ ส่วนของที่เขาจะเอาไปทำก็มีภาพถ่ายของเหยื่อ เส้นผมของเหยื่อ เล็บมือของเหยื่อ เศษหนังเศษเนื้อ น้ำตา น้ำลาย เลือด ปัสสาวะ ดินติดเท้าติดรองเท้า เสื้อผ้า แม้กระทั้งฟัน หรือเม็ดข้าวที่คายทิ้งหรือกินไม่หมด บางครั้งแค่รอยมือรอยเท้าก็เอาไปทำคุณไสยได้


loading...

รูปพิธีกดดวงชะตาจริง (เขมรกดดวงคนไทยเมื่อปี พ.ศ.2551)

   ภาพจำลองเหตุการณ์เสกตะปูเข้าร่างกาย สามารถเสกเข้าได้ทุกส่วน ดังรูปนี้เสกเข้าไปในชั้นใต้หนัง       จากภาพยนต์จอมขมังเวทย์

อันดับที่ ๒ ไสยศาสตร์จีน รวมไปจนถึงไสยศาสตร์ชนเผ่าชาวเขา

   ไสยศาสตร์อันดับที่ ๒ คือไสยศาสตร์จีน ก็น่ากลัวพอสมควร แต่มันคงไกลตัวเราไปหน่อย ซึ่งหนึ่งในสาขาวิชาไสยศาสตร์จีนคือวิชาไสยศาสตร์ของชาวเขาทางภาคเหนือ ทั้งหมอผีประจำชนเผ่า เช่น แม้ว เย้า กะเหรี่ยง ปกากะญอ อาข่า อีก้อ มูเซอ เป็นต้น วิชาที่ขึ้นชื่อคือ ยาสั่ง กินถึงตาย ตายจริงๆ พระธุดงค์ที่ไม่เก่งกล้าวิชาถ้าได้กินเป็นอันจบสิ้นกันที

                      ขวดนี่อาจจะเป็นยาสั่ง หรือยาแก้

  อันดับที่ ๓ ไสยศาสตร์ตะวันตกและเอเชียตะวันตก

   ไสยศาสตร์อันดับที่ ๓ ไสยศาสตร์ตะวันตกและเอเชียตะวันตก คุณไสยพวกนี้ดูเป็นผู้ดีมีการศึกษามานิดหน่อย เพราะเกี่ยวเนื่องกับศาสนาและวิทยาศาสตร์ เมื่อเกิดคดีพิศวง ไสยศาสตร์พวกนี้ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยอะไรนัก แต่คำสาปนั้นแหลมคม และแหลมคมกว่าคุณไสยประเภทอื่นทั้งหมด มีระดับตั้งแต่อ่อนถึงรุนแรง

   อันดับที่ ๔ ไสยศาสตร์อิสลาม ไสยเวทมุสลิม

   ไสยศาสตร์อันดับที่ ๔ ไสยศาสตร์อิสลาม ไสยเวทมุสลิม อันนี้ก็น่าขนลุก เอาความดีของตัวเองมาเป็นค่าของไสยศาสตร์ คุณไสยนี้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ว่าไว้อย่างชัดเจน และดูไปดูมาน่าจะเป็นข้อห้ามมากกว่า ถึงยังไงชาวมุสลิมก็ไม่ใช้ เพราะเคร่งศาสนามาก แต่ถ้าพวกนอกรีตก็ระวังให้ดี ไสยศาสตร์นี้จะน่ากลัวมากๆ

   อันดับที่ ๕ ไสยศาสตร์ไทย

   ไสยศาสตร์อันดับที่ ๕ ต้องยกให้เป็นของไทย คุณไสยไทยทำนี้อ่อนวิชาที่สุด เพราะไปยืมวิชาเขามาใช้ ตัววิชาไทยจริงๆนั้นส่วนใหญ่มีไว้รักษาและป้องกันมากกว่าการทำร้ายคน เนื่องมาจากคนสมัยก่อนชอบเข้าวัดทำบุญ เลยปฏิบัติธรรมกันเยอะ แต่ที่โหดที่สุดคงยกให้เป็นการสู้รบ ก็น่ากลัวอยู่หรอกนะ แต่ถ้าสู้กับเขมร ขอม พม่า อันนี้ก็อ่อนวิชาไสยกว่าเขาเยอะ ต้องใช้ความสามารถทางการทหารและกลอุบายสู้ล้วนๆ แต่พระสงฆ์ไทยสมัยก่อนก็มีวิชาเขมรอยู่บ้าง เอามาปรับเป็นพุทธคุณ กลายเป็นยันต์ทางพุทธคุณ พลังป้องกันมีอานุภาพสูงสุดในหมู่คุณไสยทั้งหมด เรายังมีการรวมอาณาจักรล้านนาเข้ากับไทยทำให้มีไสยศาสตร์ของล้านนาด้วย แล้วก็ยังดัดแปลงวิชาของมอญ พม่า ลาว มาผสมปนไปกันหมด

loading...

ที่มา:http://deeps.tnews.co.th/contents/193383/