loading...
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! ตำนานเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิ ตั้งตระหง่านกลางสี่แยกบนถนนบ้านหนองกุง อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี มีเรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่น ห้ามเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลง หากคิดร้ายลบหลู่ ตายโหงทันที ลูกหลานขออะไรได้หมด...
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม มีรายงานว่า พื้นที่บ้านหนองกุง หมู่ 1 ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี มีเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิ ตั้งอยู่กลางถนนสี่แยกหมู่บ้านหนองกุง โดยเสาหลักบ้าน และศาลพระภูมิ สีน้ำเงิน มีรูปปั้นช้างม้า และตุ๊กตาจำนวนมาก และเครื่องเซ่นไหว้ เหล้าขาว น้ำดื่ม น้ำแดง และหมากพลู วางไว้จำนวนมาก
นายดี อ้อมนอก อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 1 บ้านหนองกุง ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำหมู่บ้าน เล่าว่า ตนเกิดและเติบโตที่บ้านนี้ ซึ่งอยู่ตรงสี่แยก พบเห็นเสาหลักบ้าน และศาลพระภูมิอยู่ตรงกลางถนนนี้มาตั้งแต่จำความได้ เดิมศาลนี้ทำด้วยไม้และตั้งอยู่บนเสาที่เป็นไม้เสาเดียว ต่อมาเสาก็เกิดผุพัง ได้มีการบูรณะโดยการนับปูนมาหล่อทับไว้ ซึ่งศาลพระภูมินี้เป็นที่นับถือกันมากของชาวหนองกุง ลูกหลานทุกคนจะไปสอบเรียนต่อ สอบทำงาน ก็จะพากันมากราบขอพรให้ประสบผลสำเร็จ เมื่อสำเร็จก็จะกลับมาไหว้ ต่อมาผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะเหมือนเช่นที่เห็น พร้อมทั้งได้นำรูปปั้นช้างม้า และตุ๊กตา มาถวาย และนำน้ำแดงมาเซ่นไหว้กัน
loading...
ทางด้าน นายทองสา ชาติแพงตา อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองกุง เปิดเผยว่า หมู่บ้านนี้ได้จดทะเบียนเป็นหมู่บ้านเมื่อปี 2475 มี 215 หลังคาเรือน มีประชากร 856 คน ส่วนมากมีอาชีพเกษตรกร ทำไร่ ทำนา นอกจากนั้นชาวบ้านก็มีอาชีพเสริมที่ทางอบต.มาส่งเสริม กลุ่มสร้างงานสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริม เช่น กลุ่มวันใหม่ผลิตข้าวอินทรีย์ ซึ่งประธานกลุ่มเขาได้รับรางวัลรองชนะเลิศของระดับประเทศมาแล้ว
"เสาหลักบ้าน และศาลพระภูมิ คนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้านเล่าต่อกันมาว่า ก่อนจะย้ายมาอยู่หมู่บ้านหนองกุง ชาวบ้านได้อาศัยอยู่ที่บ้านคำหางม้า ห่างจากหมู่บ้านนี้ไปหลายกิโลเมตร ต่อมาได้เกิดโรคห่าระบาด ชาวบ้านล้มตายจำนวนมาก จึงได้ย้ายมาตั้งหมู่บ้านที่นี่ และสร้างเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิขึ้นกลางถนนสี่แยกกลางหมู่บ้าน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน เดิมเป็นถนนดินทรายและเป็นถนนลูกรัง ต่อมาเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา อบต.ได้ขยายถนนเป็นถนนลาดยาง ได้เรียกประชุมชาวบ้านที่ศาลากลางหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับเสาหลักบ้าน เพื่อขอมติย้ายเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิ" นายทองสากล่าว
นายทองสา เล่าต่อว่า จากการประชุม ชาวบ้านแตกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายเห็นชอบให้ย้ายเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิไปไว้ที่อื่น และฝ่ายที่คัดค้านให้ไม่ย้ายไปไหน ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน มีชาวบ้านซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ ฝ่ายต้องการให้ย้าย ไม่พอใจ ได้ใช้เท้าชี้ไปที่เสาหลักบ้านและศาลพระภูมิ พร้อมกับพูดจาลบหลู่ดูหมิ่น จากนั้นก็เดินไปตามถนนเพื่อกลับบ้าน ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็ถูกรถบรรทุกสิบล้อชนตายคาที่ นอกจากนี้มีคนงานสร้างถนนพูดจาลบหลู่ดูหมิ่นเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิอีก ไม่นานก็ถูกรถไถเหยียบศีรษะตาย จึงทำให้ไม่มีชาวบ้านคนใดคิดจะย้ายเสาหลักบ้านและศาลอีกเลย
นายทองสา เล่าอีกว่า เมื่อต้นปี 2558 มีชาวบ้านทำผิดประเพณีหลายอย่าง เช่น ฆ่าสัตว์ใหญ่ในหมู่บ้าน สีข้าวในวันพระ เอาศพคนตายโหงเข้าทำพิธีในบ้าน ซึ่งปกติจะต้องเอาไปทำพิธีที่วัด ทำให้เกิดอาเพศ มีคนตายโดยไม่ทราบสาเหตุถึง 9 ศพ ซึ่งชาวบ้านทางภาคอีสานถือว่าตายผิดปกติ จึงทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว เมื่อตนรับตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงได้นำร่างทรงมาทำพิธี ทำให้ทราบว่าชาวบ้านทำผิดข้อห้ามและจารีตประเพณี ได้ตั้งกฎและข้อห้ามขึ้นมาใหม่ว่า จะไม่ทำผิดล่วงเกินเสาหลักบ้านและศาลพระภูมิ ไม่ทำผิดจารีตประเพณีที่ปฏิบัติกันมา
"เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข และไม่ตายติดต่อกันอีกเลย อีกทั้งชาวบ้านได้มาบนบานศาลกล่าวขอสิ่งใดก็ได้สมปรารถนา จึงได้นำของมาเซ่นไหว้จำนวนมากดังที่เห็น" นายทองสา กล่าว
loading...
ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/674653