NewsTholakhong ข่าวโทรโข่ง: 2017

Archive for 2017

เป็นบุญตาที่ได้เห็น!! พบถ้ำปริศนาชาวบ้านเชื่อ ถ้ำพญานาค หลังเข้าไปสำรวจเจอกันจะๆคาตา มีอยู่จริง!!!รายละเอียด

ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน วันนี้ทางทีมงานอัพยิ้มก็ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อเเละความศรัทธาเกี่ยวกับพยานาคให้ทุกคนได้ศึกษากัน

ที่จ.หนองคาย ลุงคำสิงห์ เกศศิริ ชาวบ้าน วัดถ้ำศรีมงคล อยู่ที่อำเภอสังคม ได้ค้นพบถ้ำ “ถ้ำดินเพียง” หรือถ้ำพญานาค ซึ่งเเต่ก่อนที่ดินบริเวณนี้เป็นของลุก เเต่ลุงได้ยกให้กับทางวัดไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เเละได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกเเห่งหนึ่งของจ.หนองคาย ภายในถ้ำเเห่งนี้เต็มไปด้วย รูโพรงที่มีขนาดที่เล็กกว่าคนเล็กน้อยเเละที่น่าเเปลกก็คือโพรงที่สามารถทะลุถึงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เเละภายในโพรงพบลอยเลื้อยของงูใหญ่ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยเลื้อยของพญานาค

จากการสอบถามจากลุงคำสิงห์ ทราบว่า ลุงได้เข้ามาถางหญ้าเพื่อเตรียมการที่จะปลูกข้าว มีอยู่วันหนึ่งได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเเถวนี้เเต่พอเดินไปดูกลับไม่ห็นสัตว์ป่าสักตัว พร้อมฝูงค้างคาวหลายร้อยตัวบินออกมาจากหลุม ก็เลยเกิดความคิดว่าข้างในต้องมีถ้ำอยู่เเน่ ก็เลยไปชวนเพื่อนเข้าไปสำรวจภายในก็พบถ้ำเเละโพรงอยู่เต็มไปหมดเเต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร มีอยู่มาวันหนึ่งลุงก็มาทำไร่ตามปกติเเต่ก็เผลองีบหลับไป เเละมี มีพญานาคตัวสีเหลืองใหญ่ยาวขึ้นมาจากแม่น้ำโขง บอกให้ลุงช่วยเฝ้าดูแลรักษาถ้ำเพราะเคยเป็นคนเฝ้าถ้ำแห่งนี้มาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว ในตอนแรกลุงไม่เชื่อ แต่จากนั้นไม่กี่วันลุงก็เป็นไข้ป่า รักษาหมอปัจจุบันเท่าไหร่ก็ไม่หาย ลุงเลยไปหาหมอนั่งทางในเขาบอกว่าให้ไปขอขมาพญานาคซะ พอลุงทำตามก็หาย นับจากนั้นลุงเลยมาช่วยดูแลถ้ำ คอยพาคนลงไปเที่ยวชมถ้ำ

มีอีกวันที่ลุงได้เดินทางเข้าไปสำรวจกับเจ้าหน้าที่ในถ้ำถึง 6 วัน เส้นทางภายในถ้ำสามารถทะลุไปถึงเเม่น้ำโขงได้จริง เเต่การเดินทางยากลำบากมาก เพราะเส้นทางภายในถ้ำเป็นทางที่คดเคี้ยวอาจทำให้พัดหลงกันได้ เเละเราไม่สามารถที่จะเดินธรรมดาได้ ต้องก้มตัว เพราะเส้นทาง ต้องมุด คลาน ลอด เหมือนกับการเคลื่อนที่ของพญานาค

“ถ้ำดินเพียง” หรือถ้ำพญานาค. ณ วัดถ้ำศรีมงคล อยู่ที่อำเภอสังคม จ.หนองคาย

ลักษณะภายในถ้ำ

ที่มา:http://timeshare9.com

เลขอื่นหลบไป!!! งงหนัก!! สาวตั้งครรภ์ไม่รู้ตัว ปวดท้องคลอดลูกหน้าคอนโด เด็กลืมตายิ้ม-เซียนหวยแห่ตีเลขเด็ด (ดูภาพ)

Add Comment

สาวปวดท้องคลอดลูกหน้าคอนโด งงท้องไม่รู้ตัวทั้งที่ประจำเดือนมาปกติ ชาวบ้านแปลกใจเด็กคลอดวันแรกลืมตาได้ยิ้มเล่นได้แล้ว เซียนหวยแห่ดูบ้านเลขที่ตีเลขเด็ด

เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 1 พ.ค. เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือมีหญิงสาวคลอดลูกเอง เหตุเกิดหน้าคอนโด ภายในซอยลำลูกกา 25 หน้าห้องเลขที่ 23/7 หมู่ 18 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบประชาชนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก และพบหญิงสาวผู้เป็นแม่ รูปร่างใหญ่ นอนรอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ทราบชื่อ คือ น.ส.อุไรพร ดาบุตรดี อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี โดยพบว่าเด็กได้คลอดออกมาแล้ว เป็นเพศชาย รูปร่างขาว ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จึงให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น และช่วยตัดสายสะดือ ตามขั้นตอนการช่วยเหลือเด็กคลอดใหม่เพื่อช่วยเหลือเด็กได้อย่างปลอดภัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ นำส่งรักษาต่อ และพบว่าปลอดภัยทั้งแม่และลูก

จากการสอบถามนางสาวอุไรพร ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ตนเองมาอยู่กับป้า คือ นางไมตรี ดาบุตรดี อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว และได้ช่วยป้าขายลูกชิ้นย่างและทอด หน้าซอยอาแน็กตั้งแต่ช่วงสามโมงเย็น กระทั่งประมาณ 3 ทุ่ม จึงได้เก็บร้าน และเดินทางกลับบ้านกัน แต่เมื่อมาถึงบริเวณคอนโด รู้สึกปวดท้องมาก จึงบอกกับป้า ป้าก็พยายามเรียกรถแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีรถมา ขณะนั้นจึงได้นั่งลงกับพื้น แล้วก็ตกใจมากเมื่อได้คลอดลูกออกมา ป้าและชาวบ้านจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ

ตนเองรู้สึกแปลกใจที่ได้คลอดลูกออกมา เนื่องจากตนเองก็เป็นประจำเดือนตามปกติทุกเดือน และไม่ได้สังเกตว่าจะมีอาการตั้งครรภ์ ส่วนที่ท้องก็ใหญ่ขึ้นแต่ไม่มากนัก แต่ด้วยตนเองก็เป็นคนที่มีร่างกายรูปร่างใหญ่ จึงไม่คิดว่าตนเองจะตั้งท้อง กระทั่งมาปวดท้องอย่างหนักและคลอดลูกออกมา ส่วนบุตรคนนี้เป็นคนที่ 2 แล้ว ตนเองมีลูกชายอีกคน ขณะนี้อายุได้ 4 ขวบ

เบื้องต้นทางด้านรถกู้ชีพ รพ.ประชาธิปัตย์ ได้นำทั้งแม่และเด็กไปที่ รพ.ประชาธิปัตย์ต่อไป พบว่าแม่และเด็กแข็งแรงดี โดยชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าเด็กคนดังกล่าว ซึ่งเพิ่งคลอดออกมาจากท้องแม่ แต่กลับพบว่าเด็กลืมตาได้แล้วทั้งสองข้าง และพูดคุยเล่นกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านอย่างน่าประหลาดใจ และโดยเฉพาะคอหวย ต่างพากันดูหน้าบ้านเลขที่ที่เกิดเหตุเพื่อหวังได้เลขเด็ดกันอย่างคึกคัก

ที่มา:https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_328660

คิดการใหญ่สุดๆ!!! เปิดบันทึกลับ ท่าน “ว.วชิรเมธี” กล่าวถึง “ธรรมกาย” บอกเลยทำเอากระจ่างสุดๆ!!

Add Comment

วันนี้ทางทีมงานได้นำข้อมูลมาจากเพจThai News Online โดยมีใจความดังนี้ จากการศึกษาบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เฉพาะกรณีธรรมกายเป็นหลัก และกรณีอื่น ๆ มีกรณีสันติอโศก เป็นต้น เป็นองค์ประกอบทำให้ผู้วิจัยได้ข้อค้นพบที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้

1. กรณีธรรมกายหมายถึงชื่อเรียกโดยรวมเกี่ยวกับพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น พฤติการณ์ทั้งหมดที่สำนักวัดพระธรรมกายเป็นต้นเหตุให้เกิดขึ้นนั้นเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วก็มีสองลักษณะเท่านั้น คือ การทำพระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัย

2. การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตที่พบว่ามีสาเหตุมาจากสำนักวัดพระธรรมกายก็คือ การทำลายความน่าเชื่อถือของพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ประมวลไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า การพยายามปลอมปนคำสอนในลัทธิของตนลงในพระไตรปิฎก การพยายามยกย่องครูบาอาจารย์ของตน หรือแม้แต่นักวิชาการจากต่างประเทศให้มีฐานะสำคัญ ถึงขนาดที่ใช้ทัศนะของท่านเหล่านั้นขึ้นมาอ้างเป็นมาตรฐานเพื่อตัดสินหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างเรื่องนิพพาน เป็นต้น การพยายามให้อรรถาธิบายชักจูงให้คนทั่วไปเข้าใจว่า บุญมีฐานะเป็นดุจสินค้าชนิดหนึ่ง และเมื่อทำบุญและอานิสงส์ของบุญจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างปาฏิหาริย์

3. การประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัยเฉพาะประเด็นหลัก ได้แก่ การพยายามนำเอาลัทธิทุนนิยมที่มีความโดดเด่นอยู่ที่ระบบการตลาดเข้ามาผสมผสานกับการบริหารจัดการวัด การจัดตั้งองค์กร รวมทั้งการระดมทุนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล องค์กรทางธุรกิจ การเมือง และการศาสนาทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้สำนักวัดพระธรรมกายกลายเป็นสำนักที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทั้งในทางวัตถุ ทุนทรัพย์ และในทางเกียรติคุณชื่อเสียง แต่วิธีเหล่านี้เป็นพฤติการณ์ที่สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับพระพุทธศาสนาเถรวาทที่เน้นความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติชนิดที่ปราศจากการจัดตั้ง หรือการจัดการ และไม่เกี่ยวข้องกับระบบทุนนิยม (รวมทั้งวัตถุนิยม) อย่างสิ้นเชิง

4. พฤติการณ์อันสืบเนื่องมาจากสำนักวัดพระธรรมกายทั้งหมดนั้น เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐานชนิดที่ว่า ถ้าสำนักวัดพระธรรมกายทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่สำนักตั้งเอาไว้ ก็จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาอย่างเถรวาทต้องสูญสิ้นอันตรธานไป และสังคมไทยก็อาจกลายเป็นสังคมที่มีค่านิยมหวังผลดลบันดาลเชื่อมั่นศรัทธาในเทพเจ้า ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มัวเมาอยู่ในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และถูกหลอกให้เพลินจมอยู่ในสุขอันดื่มด่ำจากสมาธิวิธีที่ถือว่าเป็นมิจฉาสมาธิและเต็มไปด้วยผู้คนที่ตกเป็นทาสของลัทธิทุนนิยม บริโภคนิยม และวัตถุนิยมอย่างงมงายไม่อาจหลุดพ้นเป็นอิสระไปจากการครอบงำของลัทธิเหล่านี้ได้

5. พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เห็นว่า การทำพระธรรมวินัยให้วิปริตก็ดี การประพฤติให้วิปริตจากพระธรรมวินัยก็ดี ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา ต่อสถาบันสงฆ์ และต่อสังคมไทย ท่านจึงได้อุทิศตนเองออกมาทำหน้าที่ในการรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ด้วยการชี้แจงแสดงหลักการที่แท้ของพระพุทธศาสนาผ่านหนังสือชื่อ “กรณีธรรมกาย” และผ่านการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่าง ๆ

6. สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) สามารถดำเนินบทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นเพราะท่านเจริญรอยตามพุทธจริยาและปฏิปทาของบุรพาจารย์ทั้งหลายแต่ปางก่อน และเพราะท่านประกอบด้วยคุณสมบัติที่สำคัญก็คือ การมีจิตสำนึกแห่งความเป็นชาวพุทธ การถือธรรม และถือประโยชน์สุขของมหาชนเป็นใหญ่ การเป็นภิกษุผู้เปี่ยมด้วยกตัญญุตาธรรมต่อพระพุทธศาสนา และการมีคุณสมบัติของชาวพุทธชั้นนำตามที่พระพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้อย่างครบถ้วน

7. ในกรณีธรรมกายที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ทำบทบาทที่สำคัญสองประการด้วยกัน บทบาทประการที่หนึ่งก็คือ การทำหน้าที่รักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เหมือนเดิม และบทบาทประการที่สองก็คือ การได้อุทิศตนเป็นแบบอย่างของชาวพุทธชั้นนำ ผู้มีศักยภาพพร้อมเต็มที่ที่จะทำหน้าที่รักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยให้ยั่งยืนสืบต่อไปในอนาคตตราบนานเท่านาน บทบาททั้งสองประการนี้นอกจากจะช่วยให้กรณีธรรมกายคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว ยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการรักษาพระธรรมวินัยแก่ชาวพุทธร่วมสมัย และแก่อนุชนในภายหลังได้อย่างมีนัยสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่บุรพาจารย์ทั้งหลายได้เคยทำเอาไว้ในอดีตอีกด้วย

ที่มา:http://timeshare9.com

ดูไว้เลย! 5 สิ่งนี้ต้องมีก่อนอายุ 30 รีบซะ ถ้าไม่อยากลำบาก หลังสงกรานต์นี้แล้ว คุณจะมีชีวิตใหม่ที่ดีอย่างแน่นอน!

Add Comment

ปัจจุบันการเป็นอยู่ เราควรคำนึงไว้อย่างก่อน ถ้าไม่อยากลำบากในอนาคตอันใกล้นี้ สิ่งที่ต้องเตรียมก่อน อายุ 30 มีดังต่อไปนี้ พุทธศาสนาท่านสอนไว้ 4ตอ

เตรียมตัวก่อนตาย เตรียมกายก่อนแต่ง เตรียมน้ำก่อนแล้ง เตรียมแบงค์ก่อนจะเดินทาง

สิ่งที่ที่ต้องเตรียมตอนนี้คือ ถ้าไม่อยากลำบากในอนาคต

1. ต้องมีที่มารายได้ที่แน่นอนและต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานอิสระ หรือธุรกิจส่วนตัว อย่างน้อยต้องเป็นสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ประจำให้คุณได้อย่างสม่ำเสมอ การมีที่มาที่ไปของการเงินที่แน่นอนนั้น ทำให้คุณเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือในแง่ของหลักฐานการเงิน โดยเฉพาะเมื่อต้องยื่นกู้สินเชื่อต่างๆ กับธนาคารเพื่อการสร้างเนื้อสร้างตัว เมื่อคุณมีอายุ 30 และมีความมั่นคงทางการงานและการเงินแล้ว คุณจะมีรากฐานชีวิตที่แน่นเพียงพอ และพร้อมก้าวเดินสู่วัยเลข 4 อย่างมั่นคง

2. ต้องเตรียมเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน
นับตั้งแต่เราเกิด ก็คือการนับเวลาถอยหลังสู่ความชรา ดังนั้นเมื่อ “อายุเพิ่ม” ก็เหลือเวลาหาเงิน “ลดลง” การสร้างเป้าหมายในการเก็บเงินและมีวินัยในแต่ละเดือนตั้งแต่อายุ 30 จะทำให้คุณประหลาดใจกับเงินก้อนที่เก็บได้ นอกจากการเก็บเงินแล้วคุณควรหาวิธีทำให้เงินเก็บงอกเงยขึ้นเพื่อต่อยอดต่อไป ซึ่งเมื่อถึงภาวะคับขัน เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือครอบครัวตกยาก คุณก็พร้อมรับมือและช่วยเหลือคนใกล้ตัวได้ทันท่วงที

3. ต้องเริ่มรู้จักการบริหารหนี้
“ความไม่มีหนี้ คือ ลาภอันประเสริฐ” ซึ่งหากพูดถึงคำว่าหนี้แล้ว หนี้จะมีอยู่ 2 ลักษณะด้วยกันคือ “หนี้ดี” กับ “หนี้ไม่ดี” การบริหารหนี้ ถือเป็นทักษะที่คุณควรสนใจศึกษาและมีวินัยตั้งแต่เนิ่นๆ และเป็นหนี้ “เมื่อพร้อมมีภาระในระยะยาวเท่านั้น” ซึ่งหนี้ที่ก่อก็ควรเป็น “หนี้ดี” เท่านั้น เช่น บ้าน ที่ดิน หรือ ซื้อธุรกิจเพื่อต่อยอด ซึ่งภาระหนี้ควรสอดคล้องกับรายได้ของคุณ นั่นคือ ไม่ควรเกินกว่า 50% ของรายได้ประจำ

4. ต้องซื้อบ้านก่อนซื้อรถ
ยิ่งซื้อบ้านเร็วตั้งแต่ก่อนอายุ 30 ปีมีแต่ได้เปรียบ ทั้งในเรื่องระยะเวลาการผ่อนที่ได้มากกว่า ยอดการผ่อนที่น้อยกว่า และมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปี การกู้ซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงอายุก่อน 30 ปีนั้น แม้คุณอาจจะต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านทุกๆ เดือน แต่ความเป็นเจ้าของที่คุณมีจะมาถึงเร็วกว่าคนอายุ 40 ปี จากเงินต้นที่หักหนี้ไป รวมถึงมูลค่าบ้านและที่ดินที่สูงขึ้นในแต่ละปี แต่การซื้อรถนั้น มีแต่จะ “ลดมูลค่า” ตามความเสื่อมและมีค่าใช้จ่ายเป็นเบี้ยหัวแตกไปกับค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน

5. ต้องคิดคูณสองเรื่องครอบครัว
ปัจจุบันแม้จะเป็นเทรนด์ที่คนอาจจะแต่งงานมีครอบครัวกันช้า แต่การบริหารการเงินและชีวิตมากกว่า 2 คนขึ้นไปโดยเฉพาะเมื่อมีบุตรด้วยแล้ว “ไม่ใช่เรื่องง่าย” และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ดังนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องการเงินจึงควรวางแผนตั้งแต่คุณอยู่ตัวคนเดียว วิธีคิดคือคุณควรใช้ชีวิตก่อนวัย 30 ปี ด้วยการคิดคูณสองในทุกๆ มิติ เช่น การเก็บเงิน การซื้อที่อยู่อาศัย การซื้อรถ และการก่อหนี้ เพราะเมื่อถึงวัย 30 และคุณมีการวางแผนชีวิตในด้านต่างๆ ที่ดี คุณก็พร้อมที่จะดูแลคู่ชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัวด้วยความมั่งคง

ที่มา:https://www.thanaza.com/media/before-30/

มาแล้ว !! เลขเด็ด อ.วิภาพร งวด 01/03/60 มี 0 แน่นอน

Add Comment

ที่มา:http://lekdeydey.blogspot.sg/2017/02/1360_8.html

(18+)เริ่มถ่ายจริงจัง!!เผยคลิปหลุดเบื้องหลัง "น้องทรายช่างตัดผมคนดัง" หันมาถ่ายแบบสุดซี๊ดในอ่างน้ำ (ดูคลิป)

Add Comment

จำได้ไหมน้อง ทรายช่างตัดผมคนดัง ที่มีคนเเห่ไปตัดผมกับเธอ ด้วยหน้าอกขนาดใหญ่เเละเสื้อผ้าที่บางเบา ทำเอาเเพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกออกไลน์ในขณะหนึ่งจรคนติดต่องานมาล้นเต็มร้านจนเธอต้องปิดร้านหนี รายการดังต่างเเห่ไปติดต่อเธอเพื่อให้สัมพาทย์เธอ ทั้ง วูดดี้ คนดังนั่งเครียร เเละรายการอื่นๆอิกมากมาย มาล่าสุดกระเเส ของน้องทรายกลับมาอิกครั้ง ซึ่งหนุ่มๆหลายคน ต้องถึงกับตั้งหน้าตั้งตารอคอย เมื่อน้องทรายได้หันมา ถ่ายเเบบ จริงจัง เเต่เรื่องเรทการถ่าย ไม่เเน่ในว่าน้อยทรายรับถ่ายถึงเรทไหน เเต่ที่หลัดมาตอนนี้คือคลิปเบื้องหลัง ที่กำลังเป็นกระเเส เเชร์ต่อกันในวงการออนไลน์ทั้งกลุ่มเฟสบุคเเละกลุ่มไลน์ของใครหลายๆคนบอกเลยงานนี้อิจฉาพี่ตากล้องเขาจริงๆ คลิป เบื้องหลัง น้องทราย ถ่ายแบบเซ็กซี่ เปลือยทั้งตัว ฉากเป็นอ่างอาบน้ำ งานนี้มีกำเดาพุ่งกันถ้วนหน้าแหละครับ ท่านผู้ชม ! ไไปชมคลิปด้านล่างกันได้เลย

ที่มา:http://camdaily168.blogspot.com/2017/02/blog-post_21.html?m=1

ผมเจ็บ..ผมจะรอดไหมครับ!? “น้องค็อปเตอร์” หลั่งน้ำตาหลังอาการทรุดหนัก โซเซียลต่างช่วยเหลือและภาวนาของให้น้องปลอดภัย ล่าสุดเป็นแบบนี้แล้ว!? (1แชร์ต่อลมหายใจ)

Add Comment

เป็นกระแสแชร์ในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก เมื่อทางเพจ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์รูปภาพ

” ตอนนี้อาการน้องค็อปเตอร์แย่แล้วครับ ”

สวัสดีครับเพื่อนๆ.. เด็กชาย กิตทัธ จันทร์ธนา หรือ น้องคอปเตอร์ อายุ 4 ขวบ 6เดือน-ที่อยู่ หมู่บ้านบัวแก้ว 123/13 ต.บ้านปทุม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
-น้องมาอาศัยอยู่กับป้าตอนอายุ1ขวบ3เดือน เพราะพ่อของน้องเป็นเพื่อนกับลูกชายป้า จึงจ้างคุณป้าเลี้ยงโดยตกลงราคากันเดือนละ4,500 พออยู่มาพ่อของน้องลาออกจากงานจึงพาน้องไปอยู่ที่อื่นเพราะไม่มีเงินจ้างเลี้ยง
-แล้ววันหนึ่งมีคนมาบอกป้านางว่าน่าสงสารน้องคอปเตอร์ คนที่รับจ้างคนใหม่ไม่ยอมดูแลน้องให้แต่ดูดนมขวด ป้านางจึงตัดสินขอจ้างเลี้ยงน้องเองเพราะความสงสาร โดยให้พ่อแม่น้องจ่ายแค่ค่านม แต่ก็จ่ายป้าอยู่ประมาณเดือน2เดือน
-พอน้องอายุ2เดือนที่หน้าท้องน้องก็มีอาการแปลกๆคือมีก้อนเนื้อนูนๆ ป้าก็โทรบอกแม่น้องให้พาไปหาหมอ แม่น้องก็ไม่สนใจบอกว่าไม่มีอะไรหรอก
-พอตอนอายุ3ขวบน้องจะเข้าโรงเรียน ก้อนเนื้อนั้นก็โตขึ้นมากกว่าเดิม
-ป้านางจึงนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลปทุมธานี
-แล้วทางโรงพยาบาลปทุมธานีจึงส่งต่อไปที่โรงพยาบาลเด็ก
-ทางโรงพยาบาลเด็กจึงทำการขูดเอาเนื้อเยื่อไปตรวจ จึงได้ผลสรุปว่าน้องเป็นมะเร็งระยะ3
-จากนั้นจึงเริ่มทำคลีโมที่โรงพยาบาลเด็ก ทำหลายครั้งน้องมีอาการแพ้คือผมร่วง ผอมลง
ตาเหลือง ป้าจึงขอหยุดเพราะสงสารน้อง
-ตอนนี้ท้องเริ่มมีอาการบวมมากขึ้น ขาบวม
แขนเล็กลง ตอนนี้น้องหายใจไม่ออกมีอาการไม่ดีครับ ผมกำลัง
ไปหาน้อง เพื่อนำส่งโรงพยาบาล จุฬาพร ตรงหลักสี่ ครับ.
เมื่อวานก่อนผมได้ให้น้องไว้ 20,000บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
ค่ารถพาน้องไปหาหมอ..ถ้าเพื่อนๆต้องการช่วยน้องก็โอนให้
น้องได้เลยครับ..ชื่อ บัญชี เพ็ญจิต แสงหิรัญ ธนาคาร.กรุงไทย
สาขา ตลาดพูนทรัพย์ เลขที่ บัญชี.9 8 5 2 2 7 8 1 2 6

ที่มา:https://www.thanaza.com/media/help-2/

#พ่อใจสะลาย.!! เมื่อลูกชายวัย 12 ปี หัวใจผู้กล้าหาญ ยอมสละชีวิตตัวเอง เพราะเป็นทางเดียวที่ทำให้…อ่านแล้วน้ำตาไหล!!

Add Comment

เด็กทุกคนล้วนมี ‘หัวใจอันบริสุทธิ์’ แต่จะมีสักกี่คนกันที่มี ‘หัวใจแห่งความกล้าหาญ’…กล้าหาญถึงขั้นที่ว่ายอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตตัวเอง!เว็บไซต์ dailymail ได้รายงานเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่ไม่สามารถจะอธิบายได้…โดยมีเหตุโศกนาฏกรรมของหนูน้อยชื่อ Ariel Escalante Perez วัย 12 ปี ยอมสละชีวิตตัวเพื่อหลายๆคน..เรื่องราวนี้บอกได้เลยว่าเป็น ‘ที่สุดแห่งความปวดร้าว’ โดยน้องคนนี้ ได้ถูกแก๊งโจรในกัวเตมาลาดักลักพาตัวไป และน้องได้หายไปนานถึง 72 ชั่วโมง

ซึ่งแก๊งโจรอันธพาลได้บังคับให้หนูน้อย Ariel Escalante Perez เลือก ‘ฆ่าคนขับรถเมล์’ ที่ขับผ่านไปมา ไม่งั้นจะต้องถูกฆ่าเสียเอง แต่แทนที่หนูน้อยจะทำตามคำสั่ง เขากลับเลือกที่จะปฏิเสธเนื่องจาก พ่อของเขาก็ทำงานเป็นคนขับรถเมล์เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจตัดใจทำร้ายคนขับรถเมล์ได้

ตามบันทึกคำสารภาพท้ายที่สุดเหล่าโจรเกิดเดือดดาล และถามหนูน้อยว่าแกอยากตายแบบไหนระหว่างถูกแทง หรือจับโยนลงสะพาน…หนูน้อย Ariel Escalante Perez เลือกอย่างหลัง แล้วเขาก็ถูกจับโยนลงจากรถ ก่อนพุ่งดิ่งลงสู่เบื้องล่าง

ภายหลังทีมกู้ภัยได้พบร่างหนุ่มน้อย และทันทีที่พ่อของเขาเห็นร่างของลูกชายก็โผเข้ากอดทั้งน้ำตา แต่หลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาลแพทย์ก็ได้พยายามยื้ออาการอย่างสุดความสามารถ นานถึง 15 วัน น่าเศร้าที่หนูน้อยผู้กล้าหาญรายนี้ไม่รอดชีวิต…

การสละชีพของเขาก็ได้สร้างความปวดร้าวให้ใครหลายคน แล้วเห็นผลในการยอมโดนฆ่าก็แสนสะเทือนใจ ยังไงหมีขาวก็ขอให้หนูน้อยคนนี้ไปสู่สุขคติด้วยเทอญ R.I.P

ที่มา:http://social.upyim.com/104112/

ยอมเปิดปากแล้ว!!! เมื่อ “เสก โลโซ” โดนถามความสัมพันธ์กับ “ไซซะนะ” หลังเคยหลงผิดข้องเกี่ยวยาเสพติด!

Add Comment

เดินทางเข้ารายงานตัวตามนัดเรียบร้อยแล้ว สำหรับร็อกเกอร์คนดัง เสกสรร ศุขพิมาย หรือ “เสก โลโซ” จากคดีจากคดีทำร้ายร่างกายสาวหล่อ อดีตคนสนิทของอดีตภรรยา “กานต์ วิภากร” ตามที่ศาลมีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน ปรับ 4,000 บาท และลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี 3 เดือน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ทำงานบริการสังคม 3 ครั้งภายใน 1 ปีนั้น

ล่าสุดวันนี้ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เสก โลโซ ได้เดินทางมาที่ศูนย์สมานฉันท์ ศาลอาญารัชดา เพื่อรายงานความประพฤติและปรึกษากับเจ้าหน้าที่เรื่องการบำเพ็ญประโยชน์ โดยได้ข้อสรุปว่าเสกจะต้องบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการให้ความรู้เรื่องโทษภัยร้ายของยาเสพติดกับเด็กและเยาวชนตามจังหวัดต่างๆ

” ตั้งใจจะบำเพ็ญประโยชน์ลักษณะนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะชีวิตผ่านเรื่องราวทั้งทุกข์และสุขมามาก จึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้เป็นอุทาหรณ์กับเยาวชน พร้อมย้ำว่าตอนนี้ได้กลับตัวเป็นคนดี และใจเย็นขึ้นแล้ว ตอนนี้คดีอาญาต่างๆ จบลงแล้วทุกคดี เหลือเพียงคดีที่ กานต์ วิภากร ฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สินเท่านั้นที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว ขณะที่ความสัมพันธ์กับอดีตภรรยาก็เหลือเพียงช่วยกันทำหน้าที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดเท่านั้น ”

นอกจากนี้ร็อคเกอร์คนดัง ยังได้เปิดใจเผยถึงกระแสร้อนระอุ กรณีที่อาจมีดาราไปพัวพันกับเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดคนสำคัญชาว สปป.ลาว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกปากมาว่าแม้ว่าตนเองจะเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน แต่ก็เป็นในฐานะผู้ใช้เท่านั้น และโดยส่วนตัวก็ไม่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวใดๆกับนายไซซะนะทั้งสิ้น ไม่ได้รู้จักกัน และไม่อยากรู้จักด้วย และขอเตือนให้รุ่นน้องที่เป็นดาราศิลปินอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะจะทำให้ถึงขั้นต้องหมดอนาคตเลยทีเดียว…

ที่มา:http://an-anshare.com

เห็นแล้วหดหู่มาก!!!โซเชียลแห่ช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์ร้อยเอ็ด ใช้ชีวิตในป่าช้า-ขาดแคลนอาหาร.... ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ (ดูภาพ)

Add Comment

เกิดเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์ หลังมีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจ เป็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวน 38 คน ที่อาศัยในป่าช้า อย่างยากลำบากที่วัดป่าศรีมงคล โคกร้าง ศูนย์เอดส์ เลขที่ 16 หมู่ 3 ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากที่ หลวงปู่อุทัย กิตติโก เจ้าอาวาสวัดป่าศรีมงคล ที่เคยดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์จากทั่วประเทศ มรณภาพตั้งแต่ปี 2558 และผู้ป่วยต้องดิ้นรนดูแลตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งเรื่องราวนี้ ถูกโพสต์ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Somchai Somchai หลังจากเดินทางไปร่วมทำบุญร่วมบริจาคเงินให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์ ใจความส่วนหนึ่งระบุว่า ความตายของคนที่นี่(ศูนย์เอดส์ร้อยเอ็ด) ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดามากครับ เพราะพวกเขาต้องดำรงชีวิตอยู่ในป่าช้า ท่ามกลางกองยางรถยนต์เก่าๆ ที่เตรียมไว้เผาศพตัวเอง และยังต้องช่วยกันเผาศพเพื่อนๆ ที่ต้องล้มหายตากจากกันไปทีละคนสองคนอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนที่นี่ต่างก็ตกอยู่ในสภาพไร้ญาติขาดมิตร ไม่ต่างอะไรกับผู้อพยพที่ต้องหนีภัยจากความรังเกียจและการไม่ยอมรับของคนในครอบครัวตัวเอง จึงต้องมาอาศัยใช้ชีวิตหลบซ่อนอยู่ในป่าช้าแห่งนี้

เมื่อมีผู้เสียชีวิตก็จะทำการเผาศพให้รวดเร็วที่สุดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายครับ (ประมาณว่า ตายเช้าเผาเย็น ตายเย็นเผาเช้า) ส่วนใหญ่ก็จะเผาแบบนั่งยาง ผู้คนที่นี่มีประมาณ 38 คนครับ เพราะว่าไม่ได้รับคนเข้ามาเพิ่มเติมอีก และยังมีหมาจรจัดที่คนมาปล่อยทิ้งไว้อีกมากมาย พวกเค้ายากลำบากมากเลยครับ เพราะขาดแคลนทั้งเงินและอาหาร เพราะหลวงพ่อที่เริ่มโครงการไว้ท่านมรณภาพไปแล้วครับ ตอนนี้จึงอยู่ในสภาพขาดเสาหลัก ที่จะคอยดูแลสงเคราะห์สถานที่แห่งนี้

และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมด้วยช่วยกันบริจาคสิ่งของที่จำเป็นทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือของอุปโภคบริโภคทุกอย่าง รวมไปถึงอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยพวกยาต่างๆและ แพมเพิส เป็นต้น และโอนเงินทำบุญช่วยเหลือค่าอาหารค่าน้ำค่าไฟค่าจัดงานศพ ได้ที่บัญชีนี้ครับ ชื่อบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ ติดเชื้อเอดส์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนราชการดำเนิน จ.ร้อยเอ็ด บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่บัญชี 536-0568785

สามารถส่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยได้ที่ วัดป่าศรีมงคล(โคกร้าง ศูนย์เอดส์ ) 16 หมู่ 3 ต. สวนจิก อ. ศรีสมเด็จ จ. ร้อยเอ็ด (ไปรษณีย์โสกเชือก) 45280 ผู้ดูแลเงินกองทุนจะมีผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก และผู้ป่วยอีกสองท่านมีรายชื่อดังนี้ครับ นายเสาร์ ชาญชำนิ (ผู้ใหญ่บ้าน 097-2407636) โทรศัพท์ 083-3537492 (อำนาจ วรจักร) 096-1537460 (เกสิตนี แผ่นทอง)

ขณะที่ ทีมข่าวสายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ ได้โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่บ้าน ที่ดูแลเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยชื่อว่า นายเสาร์ ชาญชำนิ เปิดเผยว่า หลังจากที่หลวงปู่อุทัย กิตติโก มรณะภาพไป ตนเองก็มารับช่วงดูแลต่อ และพยายามประคับประคองมาเรื่อยๆ โดยมีผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวน 37 คน และผู้ชราไร้ญาติอีก 1 คน รวมไปถึงสุนัขจรจัด ซึ่งสถานภาพตอนนี้ยากลำบาก เนื่องจากเงินสะสมในกองทุนใกล้จะหมดแล้ว รวมถึงขาดแคลนข้าวปลาอาหารสำหรับประทังชีวิต ซึ่งหลังจากเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ทางนายสมชาย ศิริเทพทรงกลด จากขอนแก่น ได้เดินทางมาร่วมทำบุญที่วัด ทางผู้ป่วยจึงได้มีโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง จนกระทั่งมีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก และก็มีหลายคนโทรศัพท์มาสอบถามว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่ ตนเองก็ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ตนเองเป็นผู้นำชุมชนนี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แล้ว

ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/851841

ทึ่งทั่วโลก! พบซากศพครึ่งมนุษย์ครึ่งจระเข้ บนโลกนี้มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย (ชมคลิป)

Add Comment

“Jake The Aligator an”ซากศพ”ครึ่งมนุษย์ครึ่งจระเข้”ที่ถูกพบในหนองน้ำที่่ฟลอริด้า (ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง)
ในโลกเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาดและปริศนามากมายจนแทบจะไม่มีคำว่า “เป็นไปไม่ได้” เกิดขึ้นเลยทีเดียว โดย “Jake The Aligator Man” เป็นตำนานน่าเหลือเชื่อของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและน่าขนลุกของ “ครึ่งมนุษย์ครึ่งจระเข้” ที่ถูกพบในหนองน้ำที่รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
โดย “Jake The Aligator Man” มีขนาดตัวยาวกว่า 5 ฟุต 8 นิ้ว มีคนค้นพบซากศพของเขาที่หนองน้ำ ด้วยความที่เห็นว่าเป็นของแปลกประหลาดดังนั้นในปี 1967 จึงได้ขายให้กับร้านขายของเก่าในราคา $750 ก่อนที่จะตกไปเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์ Marsh’s Free Museum ที่ตั้งอยู่ใน Washington
และในปี 1993 ก็มีนักข่าวนำเรื่องราวของ “Jake The Aligator Man” ไปเขียนและตีพิมพ์ขึ้นหน้าหนึ่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1993 ทำให้หลายคนทั่วโลกรับรู้เรื่องราวความแปลกประหลาดของ “Jake The Aligator Man” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา